คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3354/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด ผู้จะขายจะยอมให้ผู้จะซื้อปรับ20,000 บาท อีกส่วนหนึ่งด้วยโดยไม่มีข้อความตอนใดระบุให้สิทธิผู้จะขายเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อผู้จะซื้อเท่านั้นจึงเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 เมื่อโจทก์ผู้จะซื้อเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญา และสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่ยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ตามกำหนด ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงการเจตนา
จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญา การทำสัญญาเกิดจากการฉ้อฉลของโจทก์ จำเลยจึงไม่ยอมจดทะเบียนโอนให้โจทก์โดยจำเลยยอมคืนมัดจำและค่าปรับอีก 20,000 บาท แต่โจทก์ไม่ยอมรับ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำคืน ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์กับจำเลยแถลงรับกันต่อศาลชั้นต้นในวันนัดพร้อมว่าสัญญาจะซื้อขายตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องทำกันที่บ้านจำเลยจำเลยเป็นผู้เขียนข้อความในสัญญาและขีดฆ่าตกเติมเองศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยไม่มีสิทธิจะเลือกปฏิบัติด้วยการคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์ ในเมื่อโจทก์เรียกร้องให้จำเลยโอนที่พิพาทตามสัญญาพิพากษาว่า ให้จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 6303 ตามฟ้องให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระราคาที่ยังไม่ได้ชำระอีก 175,000 บาท ให้จำเลยค่าธรรมเนียมการโอนให้จำเลยเป็นฝ่ายออกทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขายหากจำเลยไม่ไปโอนขายให้โจทก์ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนา
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า คู่สัญญาเจตนาตกลงกันตามสัญญาจะซื้อขายไว้แล้วว่าหากผู้จะขายผิดสัญญาให้สิทธิผู้จะซื้อได้เบี้ยปรับเท่านั้นไม่มีสิทธิบังคับให้ผู้จะขายโอนขายที่ดินให้แก่ผู้จะซื้อด้วย เป็นสิทธิของผู้จะขายที่จะเลือกไม่ขายได้ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องเรียกมัดจำและเบี้ยปรับใหม่ ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์กับจำเลยตกลงทำกันไว้มีข้อความดังปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องได้หรือไม่ เห็นว่า ที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยมีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินโดยการคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 3 นั้น ตามสัญญาข้อ 3 มีข้อความแต่เพียงว่า ‘ถ้าผู้รับซื้อผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนรับซื้อตามกำหนด……ผู้จะซื้อยอมให้ผู้จะขายริบมัดจำ แต่ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด……ผู้จะขายจะยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้ออีก 20,000 บาทอีกส่วนหนึ่งด้วย’ ตามสัญญาข้อ 3 นี้ ไม่มีข้อความตอนใดระบุไว้พอแปลความหมายได้ว่าให้สิทธิผู้จะขายที่จะเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อ แม้สัญญาได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ ในเมื่อผู้จะขายผิดสัญญาก็ดี ก็ปรากฏว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา380 บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้จะซื้อเท่านั้นที่จะเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ เมื่อคดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จะซื้อเรียกร้องในทางขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญาและสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับเช่นนั้นได้จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนขายที่ดินให้โจทก์โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้โอนขายที่ดินตามสัญญาได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share