แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57(1)ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณี คดีนี้ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว และหากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้อง ก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามคำร้อง.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกของนายหยี่คงส่าน คือที่ดินเนื้อที่ประมาณ 47 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา ให้โจทก์1 ใน 4 ส่วน หากการแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวไม่อาจกระทำได้ก็ให้ประมูลระหว่างทายาทหรือนำออกขายทอดตลาดเอาเงินที่ได้แบ่งให้แก่โจทก์ 1 ใน 4 ส่วน
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) และร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ขอให้ศาลพิพากษาว่า ผู้ร้องสอดมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 11 หมู่ที่ 6ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 1 ไร่ 44ตารางวา เป็นของผู้ร้องสอด 1 ใน 3 ส่วน ร่วมกับโจทก์ และนายบานเย็นคงส่าน และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 13หมู่ที่ 6 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 46ไร่ 1 งาน 17 ตารางวา เป็นของผู้ร้องสอดเพียงผู้เดียว ห้ามโจทก์จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พฤติการณ์แห่งคดีมีการดำเนินคดีมาเป็นเวลาประมาณ 2 ปี สืบพยานจำเลยมาจนจะเสร็จแล้ว การร้องเข้ามาในคดีทำให้คดีมีเหตุยุ่งยาก ไม่มีเหตุสมควรให้ผู้ร้องสอดเข้ามาในคดีหากผู้ร้องติดใจก็ให้ดำเนินคดีต่างหากจากคดีนี้ ไม่จำต้องไต่สวนคำร้อง
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า การที่ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) นั้น มิได้หมายความว่าศาลต้องอนุญาตทุกกรณีไป ศาลย่อมมีอำนาจพิจารณาว่ามีเหตุสมควรอนุญาตหรือไม่ ปรากฏว่าคดีนี้ได้ดำเนินมา 2 ปี และสืบพยานฝ่ายจำเลยจวนจะเสร็จแล้ว การอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเจ้ามาในคดีจะทำให้คดียุ่งยากจึงไม่สมควรที่จะรับคำร้องสอดไว้พิจารณา ดังนั้น เมื่อคำร้องสอดเป็นคำฟ้องและกรณีดังกล่าวถือว่าคำร้องสอดไม่มีมูลที่จะร้องสอดเพื่อให้ศาลชั้นต้นรับไว้พิจารณาได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของผู้ร้องสอดจึงเป็นการชอบแล้วให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)นั้น ศาลไม่จำต้องอนุญาตทุกกรณีไป ต้องแล้วแต่เหตุสมควร ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้ ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาคดีไปจนกระทั่งสืบพยานจำเลยจะเสร็จสิ้นแล้ว และหากผู้ร้องสอดมีสิทธิดังที่อ้างในคำร้อง ก็ย่อมยกสิทธิเช่นว่านั้นขึ้นอ้างยันผู้อื่นหรือมีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก กรณีของผู้ร้องสอดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามได้ตามคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องสอดฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.