คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1663/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 นำเฮโรอีนมาให้ ว. โดยส่งผ่านจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 รับเฮโรอีนจากจำเลยที่ 1 แล้วส่งผ่านให้ ว. ทันที การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีน ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 และเพิ่มโทษจำเลยที่ 2
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ให้จำคุกคนละ 5 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน คำขออื่นให้ยก
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ถึงจำเลยที่ 2 ที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วยเพราะเป็นเหตุในลักษณะคดีเป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 67 จำคุกคนละ 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกคนละ 8เดือน
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 1 นำเฮโรอีนของกลางมาส่งให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ก็ส่งเฮโรอีนนั้นต่อให้แก่นายวชิรา หิรัญพงษ์ทันที คงมีปัญหาว่า จำเลยทั้งสองจำหน่ายเฮโรอีนให้นายวชิราหรือไม่และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์มีสิบตำรวจโทประกอบ หมื่นพันธ์ เบิกความว่า เห็นจำเลยที่ 1 คายเฮโรอีนซึ่งบรรจุในหลอดกาแฟให้จำเลยที่ 2 รับแล้วก็นำไปให้นายวชิราและร้อยตำรวจตรีอภิชิต เทียนเพิ่มพูล เบิกความว่าเห็นจำเลยที่ 1 พยักพเยิดให้จำเลยที่ 2 เข้าไปหาพอจำเลยที่ 2 เข้าไปยืนติดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ก็คายเฮโรอีนซึ่งบรรจุในหลอดกาแฟใส่มือจำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ได้ส่งเฮโรอีนดังกล่าวใส่มือนายวชิรา คำให้การของพยานโจทก์ทั้งสองปากสอดคล้องต้องกันฟังได้ว่าจำเลยที่ 1เป็นผู้นำเฮโรอีนมาให้นายวชิราโดยส่งผ่านจำเลยที่ 2ซึ่งนายวชิราก็ยอมรับต่อร้อยตำรวจตรีอภิชิตว่าจำเลยที่ 1ซื้อมาให้ และจำเลยที่ 1 ก็ให้การในชั้นสอบสวนรับสารภาพว่าเป็นผู้เอาเฮโรอีนดังกล่าวมาให้นายวชิราจริงเนื่องจากนายวชิราเคยช่วยออกเงินค่าปรับให้จำเลยที่ 1 ที่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับในข้อหาเมาสุราอาละวาด พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 ซึ่งบัญญัติให้ ‘จำหน่าย’หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยนให้ ฎีกาของโจทก์ในส่วนของจำเลยที่ 1 นี้ฟังขึ้น แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเฮโรอีนด้วยนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 2เพียงแต่รับเฮโรอีนจากจำเลยที่ 1 แล้วส่งผ่านให้นายวชิราทันทียังถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการจำหน่ายเฮโรอีนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคแรกและมาตรา 66 วรรคแรก ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share