แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิการใช้ทางเดินอันตกเป็นภารจำยอมนั้น กฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ ไม่ได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ ความสำคัญอยู่ที่ว่าทางนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์มาเกิน 10 ปีแล้ว ก็ย่อมใช้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินจำเลยหมายสีแดง เขียว ตกเป็นภารจำยอม ให้จำเลยรื้อรั้วสังกะสีที่ปิดล้อมทางเดินออก จำเลยให้การว่าโจทก์เพิ่งจะเข้ามาอยู่เมื่อ พ.ศ. 2499 แต่ก็ไม่ได้ใช้ทางเดินผ่านที่ดินของจำเลย ต่อมา พ.ศ. 2503 โจทก์มาขอร้องเพื่อความสะดวกในการเข้าออกระหว่างงานศพมารดาโจทก์ จำเลยอนุญาตให้เดินผ่านเข้าออกชั่วคราว เมื่องานศพเสร็จแล้วโจทก์ถือโอกาสเดินผ่านเข้าออกตลอดมา จำเลยจึงขอให้ตำรวจมาระงับเหตุโดยกั้นรั้วเสียบางส่วน คงเปิดให้โจทก์ใช้เดินผ่านได้บางส่วน เป็นการชั่วคราวเท่านั้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม ให้จำเลยรื้อรั้วสังกะสีที่ปิดล้อมทางพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
จำเลยอ้างว่าโจทก์เพิ่งเข้ามาอยู่เมื่อ พ.ศ. 2499 ใช้ทางพิพาทยังไม่เกิน 10 ปี จะวินิจฉัยเอาไปรวมกับคนอื่นที่เคยใช้ที่พิพาทเป็นทางเดินมาย่อมไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่ข้อสำคัญ เพราะจำเลยเบิกความรับอยู่ว่าหลังจากโจทก์ปลูกบ้านเมื่อ พ.ศ. 2490 แล้ว โจทก์ก็ไป ๆ มา ๆ แสดงว่าโจทก์ก็ได้ใช้ที่พิพาทเดินผ่านเข้าออกในระหว่างที่ไป ๆ มา ๆ นั้นตลอดมาแม้จะไม่ต้องเอาไปวินิจฉัยรวมกับคนอื่นที่เดินทางพิพาทมาก่อน ก็เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้วแต่อย่างไรก็ดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 บัญญัติว่า “อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภารจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตนหรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้นเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น” และในมาตรา 1393 บัญญัติเป็นข้อความว่า ภารจำยอมย่อมติดไปกับสามยทรัพย์ แสดงให้เห็นว่าสิทธิการใช้ทางเดินอันตกเป็นภารจำยอมนี้ กฎหมายบัญญัติเพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้มุ่งเพื่อประโยชน์ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ ความสำคัญอยู่ที่ว่าทางนั้นถูกใช้เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์มาเกิน 10 ปีแล้วก็ย่อมใช้ได้ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน