คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ6 ปี แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์ปลูกพริกโดยมีข้อตกลงกันว่า จะดูแลรักษาไม่ทำลายต้นมะกรูดซึ่งโจทก์ปลูกไว้ ระหว่างสัญญาเช่าจำเลยใช้รถไถ ๆ ต้นมะกรูดตายหมดผิดนัดชำระค่าเช่า ครบกำหนดสัญญาเช่าจำเลยไม่ยอมออกจากที่เช่า จึงขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกจากที่เช่าพร้อมทั้งรื้อโรงเรือนออกไปกับให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยให้การว่าโจทก์ปล่อยที่ดินรกร้าง เมื่อจำเลยเข้าถากถางคงมีมะกรูดเหลืออยู่ 30 ต้น ต่อมาโจทก์เห็นว่าต้นมะกรูดไม่ได้ผล จึงอนุญาตให้จำเลยถากถางทำประโยชน์เต็มเนื้อที่ จำเลยไม่เคยค้างค่าเช่า ต่อมาโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าที่พิพาทปลูกอ้อย แต่แล้วกลับไม่ยอมให้เช่าต่อ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นฟังว่าสัญญาเช่าสิ้นสุดไปแล้ว โจทก์จำเลยมิได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกันอีก และฟังไม่ได้ว่าขณะจำเลยเช่ามีต้นมะกรูด จำเลยไม่ได้ค้างชำระค่าเช่า พิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนจนกว่าจำเลยและบริวารออกจากที่พิพาท

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยใช้ค่าต้นมะกรูด

จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีสิทธิที่จะเช่าที่พิพาทจนครบ 6 ปี

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยถากถางต้นมะกรูดขอโจทก์ในที่พิพาท 30 ต้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ และเห็นว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้ พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระค่าต้นมะกรูดนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ6 ปีนั้น จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 7 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาก็เห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้

ส่วนที่โจทก์แก้ฎีกาว่าขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้องนั้น โจทก์มิได้ฎีกาว่าจำเลยถางต้นมะกรูดเสียหายเป็นจำนวนและคิดเป็นค่าเสียหายตามฟ้อง ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้

พิพากษายืน

Share