แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำพิพากษาที่เด็ดขาดแล้วจะรื้อฟื้นให้ศาลพิจารณาใหม่ไม่ได้ ศาลตัดสินให้จำเลยรื้อสิ่งที่ปลูกสร้างล้ำออกมาในลำคลอง แต่ไม่ได้บ่งว่าให้รื้อเท่าใด ในชั้นบังคับถ้าโจทก์จำเลยรับรองแผนกที่ที่ศาลสั่งให้ทำว่าถูกต้องแล้ว ศาลก็บังคับได้ทีเดียว ไม่ต้องสืบพะยานบุคคลอีก
ย่อยาว
เดิมศาลตัดสินให้จำเลยรื้อขานคอนกรีตทีล่วงล้ำลำคลองผดุงกรุงเกษม แต่มิได้กำหนดว่าให้รื้อมากน้อยเท่าใด เพราะศาลเดิมมิได้ทำแผนที่ไว้ให้เปนการชัดเจน มาชั้นบังคับคดีศาลโปริสภาที่ ๑ จึงสั่งให้ทำแผนที่โดยแน่นอน โจทก์จำเลยรับรองว่าถูกต้อง ศาลโปริสภาที่ ๑ แลศาลอุทธรณ์จึงบังคับให้จำเลยรื้อชานคอนกรีตออก ๓ ศอก
โจทก์ฎีกาว่า ๑. คำขอท้ายฟ้องไม่ได้ขอให้จำเลยรื้อแค่ไหน ไม่มีผลที่ศาลจะบังคับได้ ๒.คำพิพากษาที่บังคับไม่แน่ชัดจึงไร้ผล ศาลเดิมจะขยายความออกไปไม่ได้ ๓. เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอบังคับ แลว่าจะนำพะยานมาสืบ แต่ก็หานำมาสืบไม่ ศาลจะฟังแต่แผนที่มาเปนพะยานบังคับหาได้ไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ ๑-๒ นั้นเปนฎีกาที่จะรื้อฟื้นคำพิพากษาที่ได้พิพาทเด็ดขาดแล้วไม่ได้ ส่วนฎีกาข้อ ๓ เห็นว่า ที่ศาลเดิมไม่สืบพะยานโจทก์นั้น เพราะตามแผนที่ปรากฎชัดว่าจำเลยทำชานยื่นออกไปในลำคลอง ๓ ศอก แลในชั้นต้นศาลสั่งให้โจทก์นำพะยานมาสืบ จำเลยก็คัดค้านว่าว่าไม่ควรสืบพะยาน ทั้งจำเลยรับว่าได้ทำชายยื่นออกไป ๑๗ เซ็นติเมตร์ดังนี้ ศาลโปริสภาที่ ๑ เห็นว่าคดีควรบังคับได้ จึงไม่สืบพะยานโจทก์ แลบังคับให้จำเลยรื้อชานคอนกรีต ๓ ศอกนั้น สั่งถูกแล้ว ศาลฎีกาตัดสินยืนตาม