แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขนแร่ดีบุกเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละห้า ถือว่าขนแร่ของกลางทั้งหมดโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 110 และถือได้ว่าเป็นการครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต ถึงแม้ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตขนแร่ แต่เมื่อจำเลยเป็นผู้ชนก็เท่ากับว่าจำเลยครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต และขนแร่ดีบุกดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นเอง จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันมีแร่ดีบุก ๑,๘๖๗ กิโลกรัม ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันขนแร่ดีบุกดังกล่าวจำนวนเกินกว่าร้อยละห้าตามใบอนุญาตที่ได้กำหนดไว้ให้ขนแร่ได้เพียง ๑,๓๕๐ กิโลกรัม โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๐๕, ๑๐๘, ๑๑๐, ๑๔๘, ๑๕๔, ๑๕๕ พระราชบัญญัติแร่ (๒) มาตรา ๓๑, ๓๒, ๓๙, ๔๐ จ่ายเงินสินบนแก่ผู้นำจับและเงินรางวับแก่เจ้าพนักงานผู้จับ ริบแร่ดีบุกของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้องปรับคนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ริบแร่ดีบุกของกลาง ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองขนแร่ ๑,๘๖๗ กิโลกรัม เกินกว่าที่ได้รับอนุญาต ๕๑๗ กิโลกรัม เป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละห้า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา ถือว่าจำเลยที่ ๑ ขนแร่ดีบุก ๑,๘๖๗ กิโลกรัมของกลางโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๑๑๐ และการที่จำเลยที่ ๑ ขนแร่ดีบุกของกลางไป ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาต อนึ่ง บทกฎหมายดังกล่าว มุ่งหมายให้มีการขนแร่ดีบุกจำนวนที่กำหนดไว้ในอนุญาตเป็นสำคัญ ถึงแม้ว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาตขนแร่ แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขนและกฎหมายถือว่าแร่ดีบุกของกลางเป็นแร่ที่ขนโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็เท่ากับว่าจำเลยที่ ๑ ครอบครองแร่ดีบุกของกลางโดยไมได้รับอนุญาต และขนแร่ดีบุกของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตนั่นเอง
พิพากษายืน