คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 นั้นมาตราดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาในการขอแก้ไขไว้ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขได้ไม่ว่าระยะเวลาใด ๆ แม้จะได้มีการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุดแล้วก็ตาม การที่ศาลจะอนุญาตให้แก้ไขหรือไม่ย่อมขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดีเป็นราย ๆ ไป คดีนี้เมื่อศาลสั่งปิดคดีแล้ว ผู้ร้องเป็นผู้แจ้งต่อผู้คัดค้านว่าลูกหนี้ที่ 2 ยังมีที่ดินที่ลูกหนี้ที่ 2 จำนองไว้แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านจึงรายงานศาลขอให้มีคำสั่งเปิดคดี ผู้คัดค้านทราบถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ก็โดยผู้ร้องเป็นผู้เสนอข้อเท็จจริงต่อผู้คัดค้าน การทราบถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้อื่น พฤติการณ์เช่นนี้ศาลอาจอนุญาตให้แก้ไขคำขอรับชำระหนี้ได้หากการขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ ผู้ร้องเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานแบ่งเป็นแผนกต่าง ๆแม้การดำเนินงานจะต้องสัมพันธ์กันแต่ก็อาจพลั้งเผลอได้การเป็นเจ้าหนี้มีประกันกับเจ้าหนี้สามัญย่อมได้รับประโยชน์ต่างกันมากหากไม่ใช่ความพลั้งเผลอก็คงไม่ละเลยยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญ เห็นว่าเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้สามัญนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยผู้ร้องมิได้แจ้งทรัพย์สินอันเป็นหลักประกัน เนื่องจากพนักงานผู้พิมพ์สัญญาของผู้ร้องขึ้นอยู่กับฝ่ายต่างประเทศ มิได้พิมพ์รายการที่ดินที่จำนองเป็นประกันไว้ในสัญญา ส่วนพนักงานซึ่งมีหน้าที่จดทะเบียนรับจำนองขึ้นกับฝ่ายพิธีการและหลักประกัน และมิได้แจ้งผลการจดทะเบียนจำนองให้ฝ่ายต่างประเทศทราบ จึงทำให้หลงผิดว่าหนี้ดังกล่าวมิได้มีหลักทรัพย์เป็นประกัน ผู้ร้องขอแก้ไขรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกัน ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่ากรณีของผู้ร้องมิใช่ความพลั้งเผลอทั้งคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องศาลได้สั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ถึงที่สุดไปแล้วและคดีนี้ได้มีการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุดและปิดคดีแล้ว ผู้ร้องไม่มีอำนาจขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ สิทธิเหนือทรัพย์สิน ที่จำนองของผู้ร้องระงับสิ้นไปแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องแก้ไขข้อความในรายการแห่งคำขอรับชำระหนี้ได้ตามคำร้อง
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้มีประกัน แต่ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยไม่ได้แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกัน ผู้คัดค้านทำการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุด (ครั้งเดียว)แล้ว ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้คัดค้านแจ้งว่าลูกหนี้ที่ 2ยังมีทรัพย์สินคือที่ดินโฉนดเลขที่ 108398 ตำบลคลองจั่นอำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งลูกหนี้ที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนองไว้แก่ผู้ร้องและขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ซึ่งยื่นไว้ จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันและยื่นคำร้องอีกฉบับหนึ่งขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองก่อนเจ้าหนี้สามัญผู้คัดค้านรายงานศาลขอให้สั่งเปิดคดี ศาลมีคำสั่งให้เปิดคดีคดีมีปัญหาข้อแรกว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ที่ยื่นไว้จากเจ้าหนี้ไม่มีประกันเป็นเจ้าหนี้มีประกันได้หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า การขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ในกรณีเช่นนี้มีบัญญัติไว้ในมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งบทบัญญัติในมาตราดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาในการขอแก้ไขไว้ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอแก้ไขได้ไม่ว่าระยะเวลาใด ๆ แม้จะได้มีการแบ่งทรัพย์สินครั้งที่สุดแล้วก็ตาม ส่วนการที่ศาลจะอนุญาตให้แก้ไขได้หรือไม่นั้นย่อมขึ้นอยู่กับพฤติการณ์แห่งคดีเป็นราย ๆ ไป คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าหลังจากที่ศาลได้สั่งปิดคดีไปแล้ว ผู้ร้องเป็นผู้แจ้งต่อผู้คัดค้านว่าลูกหนี้ที่ 2 ยังมีทรัพย์สินคือโฉนดที่ดินซึ่งลูกหนี้ที่ 2 จำนองไว้แก่ผู้ร้องดังกล่าว ผู้คัดค้านจึงรายงานศาลขอให้มีคำสั่งเปิดคดี เห็นว่า การที่ผู้คัดค้านทราบว่าลูกหนี้ยังมีทรัพย์สินเหลืออยู่ที่จะนำมาแบ่งให้เจ้าหนี้ก็โดยผู้ร้องเป็นผู้เสนอข้อเท็จจริงต่อผู้คัดค้าน การทราบถึงทรัพย์สินของลูกหนี้ย่อมเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้อื่นด้วย พฤติการณ์ของผู้ร้องเช่นนี้ศาลอาจอนุญาตให้แก้ไขคำขอรับชำระหนี้ได้ โดยมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในข้อต่อไปว่า การที่ผู้ร้องขอรับชำระหนี้โดยไม่แจ้งว่าเป็นเจ้าหนี้มีประกันนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเผลอหรือไม่ เห็นว่าผู้ร้องเป็นนิติบุคคล การดำเนินงานแบ่งเป็นแผนกต่าง ๆ แม้การดำเนินงานจะต้องสัมพันธ์กัน แต่ก็อาจพลั้งเผลอได้ การเป็นเจ้าหนี้มีประกันกับเจ้าหนี้สามัญย่อมได้รับประโยชน์ต่างกันมาก หากไม่ใช่ความพลั้งเผลอก็คงไม่ละเลยยื่นคำขอรับชำระหนี้เข้ามาอย่างเจ้าหนี้สามัญ กฎหมายล้มละลายเป็นกฎหมายเชิงพาณิชย์ย่อมรับรู้การดำเนินงานของนิติบุคคลว่าอาจแบ่งแยกเป็นแผนกการต่าง ๆ และเล็งเห็นว่าอาจมีความพลั้งเผลอได้จึงกำหนดให้มีบทบัญญัติดังกล่าวแก้ไขไว้
พิพากษายืน

Share