คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

มีผู้ว่าจ้างจำเลยตัดฟันไม้ของกลาง ถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นเพียงลูกจ้างมีไม้ของกลางไว้ในครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ แต่การตัดฟันไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้างซึ่งเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครอง จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดในข้อหาดังกล่าวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14, 31, 35 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2522มาตรา 3 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69, 74, 74 ทวิ,74 จัตวา ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2494 มาตรา 6 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2503 มาตรา 18ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2518 มาตรา 28 ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2522 มาตรา 3, 9 ฐานทำไม้ในเขตป่าสงวน จำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป จำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ20,000 บาท รวมจำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 60,000 บาท ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกคนละ 3 ปี ปรับคนละ 45,000 บาท ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 30,000บาท ข้อหามีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองให้ยกฟ้อง ยกคำขอให้จ่ายสินบนนำจับ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติไว้ว่าระหว่างวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับจ้างนายบุญช่วย จันทร์ทองร่วมกันตัดฟันไม้แดงน้ำ 28 ต้น ตัดเป็นท่อนได้จำนวน 59 ท่อน และไม้มะค่า 2 ต้นรวมเป็นไม้ทั้งสิ้น 61 ท่อน ปริมาตร 195.74 ลูกบาศก์เมตรอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ในเขตป่าแม่ยม อันเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติเจ้าพนักงานเข้าทำการจับกุมจำเลยทั้งสองได้ในขณะที่กำลังตัดฟันไม้พร้อมกับได้ไม้จำนวนดังกล่าวรวมทั้งเลื่อยยนต์และเครื่องยนต์ที่ใช้ในการตัดฟันไม้เป็นของกลาง สำหรับข้อหาความผิดฐานร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นอันยุติตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองคดีคงมีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์เฉพาะในข้อที่ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยหรือไม่ เห็นว่าจำเลยทั้งสองอยู่ในฐานะเป็นเพียงลูกจ้างของนายบุญช่วย จันทร์ทอง ผู้ว่าจ้างให้จำเลยทั้งสองตัดฟันไม้รายนี้ ถือไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้แต่อย่างไรก็ดี พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันตัดฟันไม้หวงห้ามดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้างซึ่งเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครอง จำเลยทั้งสองจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดในข้อหาข้างต้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาว่าจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 โดยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกระทงหนึ่ง ให้จำคุกคนละ 2 ปี คำให้การของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกไว้คนละ 1 ปี 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share