แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยยื่นคำแถลงว่าจำเลยยังไม่ได้ระบุพยานเพราะทนายได้ฝากหนังสือไปหาจำเลยให้มาระบุพยานก่อนกำหนด 3 วัน แต่ผู้ถือจดหมายได้ทำหนังสือหายเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงขอยื่นบัญชีระบุพยานในวันนั้น ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำขอเช่นนี้ ต้องทำเป็นคำร้องตามมาตรา 88 วรรค 3 เมื่อทำเป็นคำแถลงจึงไม่รับพิจารณา ให้ยกเสียแต่จำเลยก็หาได้ทำคำร้องขอยื่นบัญชีพยานให้ถูกต้องเสียก่อนสืนพยานโจทก์ไม่ จนศาลสืบพยานโจทก์ไปเสร็จสิ้นแล้ว ทนายจำเลยจึงมายื่นคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยบานในภายหลัง เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่ทราบถึงพยานหลักฐานของจำเลยว่ามีอย่างไร ก่อนแต่สืบพยานฝ่ายตน เป็นการเสียเปรียบในทางคดี ดังนี้ พฤติการณ์และเหตุผลกรณีไม่เหตุผลสมควรจะให้รับการยื่นบัญชีพยาน และรับฟังพยานหลักฐานจำเลย อันฝ่าฝืนต่อ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 88 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องกับนาพิพาทของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นนาของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลย และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะข้อเดียว ขอให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานจำเลย และดำเนินการสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้รับบัญชีระบุพยานจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลจะรับฟังคำพยานหลักฐาน ซึ่งคู่ความระบุหรือยื่นโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๘๗(๒) หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลเป็นเรื่องๆไป สำหรับเรื่องนี้ตามเหตุผลที่ทนายจำเลยอ้างถึงการที่ไม่ได้ระบุพยานภายในกำหนดนั้น (คืออ้างว่า ทนายได้ฝากจดหมายถึงจำเลยให้มาระบุพยานเสียภายในกำหนด แต่ผู้นำจดหมายทำหนังสือหาย) เป็นเหตุผลที่ไม่ควรรับฟัง ยิ่งกว่านั้นชั้นแรกที่ขอยื่นบัญชีระบุพยานได้ปฏิบัติไม่ถูกต้อง โดยทำเป็นคำดถลงจนศาลสั่งว่าต้องทำเป็นคำร้อง เมื่อทำเป็นคำแถลง จึงไม่รับพิจารณา ให้ยกเสีย ดังนี้ จำเลยก็หาได้ทำคำร้องขอยื่นบัญชีพยานให้ถูกต้องเสียก่อนสืบพยานโจทก์ไม่ จนศาลสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว ทนายจำเลยจึงมายื่นคำร้องภายหลัง โจทก์ย่อมไม่ทราบถึงพยานหลักฐานของจำเลยว่ามีอย่างไร เห็นว่าตามพฤติการณ์และเหตุผล ไม่มีเหตุสมควรจะรับการยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยไว้ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน