คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยกับพวกร่วมกันไปเอาเสียซึ่งหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลียและปลอมหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว โดยนำรูปถ่ายของจำเลยมาติดแทนภาพของผู้มีชื่อในหนังสือเดินทาง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ปลอมรอยตราประทับบันทึกการตรวจอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงโดยมีเจตนาเดียวกันคือเพื่อให้จำเลยออกนอกราชอาณาจักร ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและความผิดฐานปลอมเอกสารกับปลอมเอกสารราชการจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2548 ถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2549 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกได้ร่วมกันเอาไปเสีย ซ่อนเร้น ทำให้สูญหายและไร้ประโยชน์ซึ่งหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลีย หมายเลข L 1155259 ระบุชื่อ SOMSAMORN ซึ่งสถานทูตออสเตรเลียออกให้แก่ผู้มีชื่อดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ประชาชน และสถานทูตออสเตรเลีย ต่อมาจำเลยกับพวกร่วมกันปลอมหนังสือเดินทางดังกล่าว โดยนำรูปถ่ายของจำเลยมาติดแทนภาพของผู้มีชื่อในหนังสือเดินทางเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่สถานทูตออสเตรเลียออกให้แก่จำเลยจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่สถานทูตออสเตรเลีย พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ และประชาชนที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ปลอมรอยตราประทับบันทึกการตรวจอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม มีข้อความภาษาอังกฤษกำกับแสดงความหมายว่าพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานกรุงเทพ ผู้ใช้รหัส A1299 ในหน้าที่ 4 เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และผู้หนึ่งผู้ใดที่พบเห็นหลงเชื่อว่ารอยตราประทับดังกล่าวเป็นเอกสารราชการที่แท้จริงที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ทำขึ้น โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่กองหนังสือเดินทางกระทรวงการต่างประเทศ พนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประจำด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ และประชาชนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกัน เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมหนังสือเดินทางดังกล่าว เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 188, 264, 265 และให้ริบหนังสือเดินทางของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 264, วรรคแรก, 265 ประกอบมาตรา 83 ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นจำคุก 6 เดือน ฐานปลอมเอกสารกับฐานปลอมเอกสารราชการ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานปลอมเอกสารราชการซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยกับพวกร่วมกันเอาไปเสียซึ่งหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลียและปลอมหนังสือเดินทางเล่มดังกล่าว โดยนำรูปถ่ายของจำเลยมาติดแทนภาพของผู้มีชื่อในหนังสือเดินทาง จากนั้นจำเลยกับพวกได้ปลอมรอยตราประทับบันทึกการตรวจอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงโดยมีเจตนาเดียวกันคือเพื่อให้จำเลยออกนอกราชอาณาจักรความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและความผิดฐานปลอมเอกสารกับปลอมเอกสารราชการจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยสองกรรมนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share