แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกสวนของตนให้แก่ผู้ใดไว้ สวนจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน
ครอบครัวของจำเลยอยู่ร่วมเรือนเดียวกันกับผู้ร้อง จำเลยแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีส่วนเป็นเจ้าของสวนยางพารารายนี้เช่น เป็นผู้นำสำรวจที่ดินสวนยางพารานี้เพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ และเป็นผู้ไปเสียภาษีบำรุงท้องที่เอง ทั้งได้ไปแจ้งใบสุทธิยางผู้ร้องรับว่าสวนยางพารายังมิได้แบ่งปันกันในระหว่างทายาท ฉะนั้น จำเลยซึ่งเป็นทายาทด้วยผู้หนึ่ง จึงมีสิทธิเป็นเจ้าของสวนยางพารารวมอยู่ด้วย
โจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษา จึงมีสิทธิที่จะยึดสวนยางพาราซึ่งจำเลยเป็นเจ้าของรวมบางส่วนเพื่อบังคับชำระหนี้ได้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันไม่มีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
โจทก์มีสิทธิจะยึดที่ดินแปลงใดของจำเลยตามคำพิพากษามาบังคับชำระหนี้ก็ได้เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้โดยสิ้นเชิง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์นำยึดที่ดินสวนยางพาราหนึ่งแปลงอ้างว่าเป็นของนายหว่องซิมเพียว แซ่หว่อง จำเลยที่ 1 ซึ่งได้รับมรดกจากบิดา เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
นางหยุ่งยิน แซ่กู ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลย แต่เป็นทรัพย์สินของผู้ร้องกับนายว่องตุ้ง แซ่ว่อง สามี ได้มาโดยการจับจอง สามีผู้ร้องถึงแก่กรรมเมื่อประมาณ 16 ปีมานี้ ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นมรดกได้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องได้ครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยโดยเจตนาเพื่อตนตลอดมา โจทก์นำยึดวัดเอาที่ดินส่วนหนึ่งของผู้ร้องไปซึ่งไม่ใช่เป็นทรัพย์สินของจำเลยแต่อย่างใด ขอให้ศาลสั่งปล่อยที่ดินที่โจทก์นำยึดไว้
โจทก์ให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งของจำเลยที่ 1 เดิมที่ดินนี้เป็นของนายหว่องตุงบิดาจำเลยที่ 1 นายหว่องตุงถึงแก่กรรม จึงตกเป็นมรดกได้แก่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ครอบครอง ยื่นเสียภาษีที่ดิน และแสดงความเป็นเจ้าของตลอดมา ไม่ใช่ที่ดินของผู้ร้องและโจทก์นำยึดแต่เพียงบางส่วนให้พอกับการชำระหนี้เท่านั้น ขอให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินระหว่างผู้ร้องกับนายว่องตุงสามีนายว่องตุงตาย ย่อมเป็นมรดกได้แก่ผู้ร้อง นายหว่องซิมเพียวจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตร และบุตรคนอื่น ๆ อีก ซึ่งเป็นทายาทร่วมกัน ผู้ร้องไม่มีอำนาจขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า นายหว่องตุง แซ่ว่อง เป็นสามีผู้ร้อง มีบุตรด้วยกัน 9 คน ขณะนี้มีชีวิตอยู่ทุกคน นายหว่อง ซิมเพียว แซ่หว่อง จำเลยที่ 1 เป็นบุตรชายคนที่ 2 ของผู้ร้องและสามี ผู้ร้องและสามีเป็นเจ้าของสวนยางพาราหนึ่งแปลง เมื่อประมาณ 16 – 18 ปีมานี้ สามีผู้ร้องถึงแก่กรรมโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกสวนของตนให้แก่ผู้ใดไว้ดังนั้นสวนยางพาราดังกล่าวส่วนที่เป็นของนายหว่องตุง แซ่ว่อง สามีผู้ร้อง จึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน ซึ่งมีผู้ร้องและจำเลยที่ 1 รวมอยู่ด้วย ครอบครัวของจำเลยที่ 1 อยู่ร่วมเรือนเดียวกับผู้ร้อง จำเลยที่ 1แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีส่วนเป็นเจ้าของสวนยางพารารายนี้ เช่น เป็นผู้นำสำรวจที่ดินสวนยางพารานี้เพื่อเสียภาษีบำรุงท้องที่ และเป็นผู้ไปเสียภาษีบำรุงท้องที่เอง ทั้งได้ไปแจ้งใบสุทธิยางด้วย ผู้ร้องรับว่าสวนยางยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท ฉะนั้น จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทด้วยจึงมีสิทธิเป็นเจ้าของสวนยางพารารวมอยู่ด้วยโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษามีสิทธิที่จะยึดสวนยางพารารายนี้บางส่วนเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นเพียงเจ้าของร่วมกัน หามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดได้ไม่ ที่ผู้ร้องฎีกาว่าโจทก์นำยึดที่ดินผิดแปลงต้องยึดที่ดินแปลงที่จำเลยที่ 1 มอบให้ไว้เป็นประกันจึงจะถูกต้องเห็นว่า โจทก์มีสิทธิจะยึดที่ดินแปลงใดของจำเลยที่ 1 มาบังคับชำระหนี้ก็ได้ เพราะโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มีสิทธิจะให้ชำระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้จนสิ้นเชิง
พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง