แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องวันเวลาเกิดเหตุความผิดฐานรับของโจรไว้ว่าเมื่อระหว่างวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1 จนถึงวันเวลาดังกล่าวในข้อ 2 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกได้บังอาจรับของโจร ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดการกระทำความผิดฐานรับของโจรพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเหตุรับของโจรเกิดในท้องที่สองแห่งเกี่ยวพันกันและจำเลยกับพวกร่วมกันรับของโจรทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกลักไป แต่ทางพิจารณาได้ความว่าพบรถยนต์ของกลางอันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ถูกลักไปในอีกท้องที่หนึ่งซึ่งต่างไปจากที่โจทก์ฟ้องข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่กระทำความผิดและทรัพย์ที่จำเลยรับไว้ มิได้เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ถือได้ว่ามิใช่ข้อแตกต่างกันในสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕, ๓๕๗และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน ๒๒,๕๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ลงโทษจำคุก ๔ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามจำนวนที่ฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยโจทก์ไม่ได้ระบุวันเวลาตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรให้จำเลยทราบแน่ชัด ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายวันเวลาเกิดเหตุความผิดฐานรับของโจรไว้ว่า เมื่อระหว่างวันเวลาดังกล่าวในข้อ ๑ (วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๒๔ เวลากลางวัน) จนถึงวันเวลาดังกล่าวในข้อ ๒ (วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๒๔ เวลากลางวัน) วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยกับพวกได้บังอาจรับของโจรซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาที่เกิดการกระทำผิดฐานรับของโจรพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยฎีกาอ้างว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า เหตุรับของโจรเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร และตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกี่ยวพันกันแต่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความจากพยานโจทก์ว่า ผู้เสียหายกับพวกพบรถยนต์ของกลางติดสัญญาณไฟแดงที่สี่แยกเจริญผลเขต ปทุมวัน และโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันรับของโจรทรัพย์ทั้งหมดที่ถูกลักไปแต่ในทางพิจารณาโจกท์นำสืบได้ความเพียงว่าพบรถยนต์ของกลางอันเป็นทรัพย์ส่วนหนึ่งที่ถูกลักไปเท่านั้น เห็นว่าข้อแตกต่างดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่กระทำความผิดและทรัพย์ที่จำเลยรับไว้ ทั้งมิได้เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ จึงถือได้ว่ามิใช่ข้อแตกต่างกันในสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์
พิพากษายืน.