แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ชำระค่าอ้างเอกสารทั้งสองฉบับในชั้นสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวไว้แล้ว แม้ต่อมาศาลจะให้พิจารณาคดีใหม่ และโจทก์นำสืบอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานอีก ก็ต้องถือว่าค่าอ้างเอกสารที่โจทก์ชำระไว้แต่เดิมเป็นค่าอ้างเอกสารที่โจทก์นำสืบและอ้างส่งเป็นพยานด้วย โดยโจทก์ไม่จำต้องแถลงต่อศาลขอถือเอาค่าอ้างเอกสารเดิมเป็นการชำระค่าอ้างเอกสารใหม่ ที่ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารดังกล่าวประกอบการวินิจฉัยของโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 18,110 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 17,317 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา (2) ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยขอพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นอนุญาต (3)
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 17,317 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 มกราคม 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2544 จนถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 5 กันยายน 2544) ต้องไม่เกิน 793 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าอ้างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวแล้ว ในชั้นสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียว แม้ต่อมาศาลจะให้พิจารณาคดีใหม่ และโจทก์นำสืบกับอ้างเอกสารดังกล่าวเป็นพยานอีก ก็ต้องถือว่าค่าอ้างเอกสารที่โจทก์ชำระไว้แต่เดิมเป็นค่าอ้างเอกสารที่โจทก์นำสืบและอ้างส่งเป็นพยานด้วย โดยโจทก์ไม่จำต้องแถลงต่อศาลขอถือเอาค่าอ้างเอกสารเดิมเป็นการชำระค่าอ้างเอกสารที่ได้สืบพยานใหม่ตามที่จำเลยกล่าวอ้าง การที่ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 ประกอบการวินิจฉัยคดีของฝ่ายโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ