แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทั้งก่อนและหลังจากจำเลยทราบว่า ท. มีโจทก์เป็นภริยาแล้ว จำเลยยังติดต่อคบหาสมาคมกับ ท. และติดตาม ท. มาถึงสถานที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงานของ ท. และมีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมิใช่ที่รโหฐาน ปกปิดมิดชิดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เมื่อคนงานและเพื่อนร่วมงาน ท. ทราบว่า ท. มีภริยาแล้วและพบเห็นจำเลยกับ ท. มาที่บริษัท โดยจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยกับ ท. มีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ หลังจากจำเลยทราบว่า ท. มีภริยาแล้ว ย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปมีเหตุอันควรเชื่อและเข้าใจว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับ ท. มากกว่าที่จะรู้จักกันในฐานะลูกค้าหรือบุคคลธรรมดาที่รู้จักกันทั่วไป ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับ ท. สามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีที่ฟังยุติมาข้างต้นมิอาจแปลความว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับ ท. และพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยกับ ท.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยชำระค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 150,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 7 เมษายน 2558) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษากลับว่ายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกัน รับฟังได้ว่า โจทก์กับนายทนงศักดิ์เป็นสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน นายทนงศักดิ์คบหากับจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและมีเพศสัมพันธ์กัน
ในเบื้องต้นเห็นสมควรวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติเป็นประการแรกก่อนว่า จำเลยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับนายทนงศักดิ์ ภายหลังจากที่จำเลยรู้ความจริงว่านายทนงศักดิ์เป็นสามีของโจทก์หรือไม่ นายทนงศักดิ์เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า เมื่อปี 2556 ได้รู้จักกับจำเลยเนื่องจากติดต่องานกัน ต่อมาเดือนกันยายน 2557 พยานกับจำเลยมีความสนิทสนมจนมีเพศสัมพันธ์กัน จนกระทั่งปลายเดือนมกราคม 2558 พยานขอให้จำเลยยื่นแบบรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) จำเลยจึงทราบว่า พยานมีภริยาและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่พยานกับจำเลยยังคงมีเพศสัมพันธ์กันอีกภายในห้องพักที่ทำงานของพยาน โดยมีคนในบริษัทและนายกิจจา เพื่อนร่วมงานของพยานทราบเรื่องราวดังกล่าวและทราบว่าพยานมีภริยาและบุตรแล้ว เนื่องจากพยานเคยพาโจทก์ไปเที่ยวกับพนักงานของบริษัทเป็นประจำทุกปี ส่วนจำเลยเบิกความว่า จำเลยรู้จักนายทนงศักดิ์เมื่อปี 2556 ต่อมาในเดือนกันยายน 2557 จำเลยกับนายทนงศักดิ์มีความสนิทสนมจนมีเพศสัมพันธ์กัน จำเลยเพิ่งทราบว่านายทนงศักดิ์มีภริยาและบุตรเนื่องจากจำเลยช่วยยื่นแบบรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายทนงศักดิ์ จำเลยขอเลิกคบหากันแต่ถูกนายทนงศักดิ์ข่มขู่ว่าไม่ให้เลิก มิฉะนั้นจะนำแผ่นวีซีดี ที่บันทึกภาพขณะนายทนงศักดิ์กับจำเลยมีเพศสัมพันธ์กันไปเผยแพร่ จำเลยจึงต้องยอมมีเพศสัมพันธ์กับนายทนงศักดิ์ต่อไป เห็นว่า คำเบิกความของจำเลยสอดคล้องเจือสมกับคำเบิกความของนายทนงศักดิ์ว่าเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม 2558 หลังจากจำเลยทราบว่านายทนงศักดิ์มีภริยาและบุตรชอบด้วยกฎหมายแล้วจำเลยกับนายทนงศักดิ์มิได้ยุติการคบหากัน โดยยังคงมีเพศสัมพันธ์กันดังเดิม นายทนงศักดิ์เบิกความยอมรับความจริงต่อไปว่า หลังจากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้นายทนงศักดิ์ยังมีเพศสัมพันธ์กับจำเลยอีก 2 ครั้ง สนับสนุนพยานหลักฐานโจทก์ให้มีน้ำหนักน่าเชื่อว่า หลังจากจำเลยทราบว่านายทนงศักดิ์มีโจทก์เป็นภริยาแล้ว จำเลยกับนายทนงศักดิ์ยังสมัครใจที่จะมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวและมีเพศสัมพันธ์กันต่อไปอีก แม้จำเลยจะนำสืบปฏิเสธและกล่าวแก้ในคำแก้ฎีกาว่า คำเบิกความของนายทนงศักดิ์ในข้อนี้ไม่น่าเชื่อถือ แต่จำเลยได้เบิกความยอมรับความจริงว่า เมื่อจำเลยทราบว่านายทนงศักดิ์มีภริยาแล้ว จำเลยยังคงมีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายทนงศักดิ์ ข้อที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่า ถูกนายทนงศักดิ์ข่มขู่ว่าหากมีการยุติความสัมพันธ์กัน นายทนงศักดิ์จะนำภาพที่จำเลยกับนายทนงศักดิ์มีความสัมพันธ์ทางประเวณีออกเผยแพร่นั้น ข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ยังรับฟังไม่เป็นที่ยุติแน่ชัดว่า นายทนงศักดิ์บันทึกภาพตามแผ่นวีซีดีไว้เมื่อใด เนื่องจากนายทนงศักดิ์เบิกความตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า
ได้บันทึกภาพดังกล่าวภายหลังโจทก์ฟ้องคดีแล้ว แต่ตอบทนายโจทก์ถามติงว่าตนเองบันทึกภาพตามแผ่นวีซีดีก่อนโจทก์ฟ้องคดี ซึ่งจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องไม่ปรากฏวันเวลาที่มีการบันทึกภาพดังกล่าวว่าเกิดขึ้นเมื่อวันเวลาใด จึงมิอาจรับฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 เชื่อว่า ภาพเหตุการณ์ตามแผ่นวีซีดีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนที่จำเลยจะทราบว่านายทนงศักดิ์มีภริยาแล้ว ประการสำคัญ หากจำเลยถูกนายทนงศักดิ์บังคับข่มขู่และจำเลยมีเจตนาจะเลิกคบหากับนายทนงศักดิ์อย่างเด็ดขาดสิ้นเชิง จำเลยย่อมสามารถไปร้องทุกข์หรือขอให้เจ้าพนักงานตำรวจจดแจ้งเรื่องดังกล่าวในบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ดังเช่นที่จำเลยเคยไปจดแจ้งในรายงานประจำวันรับแจ้งเป็นหลักฐานว่า หลังจากโจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยถูกโจทก์โทรศัพท์มาระรานคุกคามอีก ฉะนั้นการที่จำเลยเพิกเฉยมิได้กระทำการอันใดที่ส่อแสดงว่า จำเลยมิได้ถูกล่วงละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวจากนายทนงศักดิ์ ดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้ไว้ ข้อเท็จจริงกลับได้ความจากข้อความสนทนาโต้ตอบผ่านโปรแกรมไลน์ระหว่าง
นายทนงศักดิ์กับจำเลยที่ไม่โต้แย้งกันว่า ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 17.45 นาฬิกา หลังจากจำเลยทราบว่า นายทนงศักดิ์มีภริยาแล้ว จำเลยยังส่งข้อความบอกว่า จำเลยเป็นภริยานายทนงศักดิ์ และวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 หลังจากโจทก์ฟ้องคดี จำเลยยังคงสื่อสารติดต่อกับนายทนงศักดิ์ทางข้อความผ่านโปรแกรมไลน์ เนื้อความฟังได้ว่า จำเลยกับนายทนงศักดิ์ยังมีความรู้สึกอันดีต่อกันไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยโกรธเคืองหรือตำหนินายทนงศักดิ์ที่ข่มขู่ว่าจะเปิดเผยความลับข้อมูลทางประเวณีของจำเลย
ที่บันทึกไว้ หรือร้องขอมิให้นายทนงศักดิ์ยุติดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าวเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติยศ และชื่อเสียงของจำเลย หรือแสวงหามาตรการในการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวตามวิถีทางที่ชอบธรรมตามความเหมาะสมและกฎหมาย การที่จำเลยเพิกเฉยมิได้กระทำการใด ๆ จึงทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักดีกว่าพยานจำเลย รับฟังและเชื่อได้ว่า ภายหลังจากจำเลยทราบว่าโจทก์เป็นภริยานายทนงศักดิ์แล้ว จำเลยยังติดต่อคบหาสมาคมกับนายทนงศักดิ์และสมัครใจมีเพศสัมพันธ์กับนายทนงศักดิ์ต่อไป
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์คือ จำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตน
มีเพศสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับนายทนงศักดิ์หรือไม่ นายทนงศักดิ์เบิกความว่าหลังจากจำเลยทราบว่าพยานมีภริยาแล้ว พยานกับจำเลยยังคบหามีเพศสัมพันธ์กัน คนงานและเพื่อนของพยานบางคนทราบเรื่องราวดังกล่าว คนงานในบริษัททราบว่า พยานมีภริยาแล้วและพยานเคยพาโจทก์ไปเที่ยวกับพนักงานในบริษัทเป็นประจำทุกปี และตอบคำถามค้านทนายจำเลยว่า พยานเคยไปรับส่งจำเลยและพาจำเลยมาที่ห้องพักที่ทำงานของพยานเพื่อมีเพศสัมพันธ์กัน ส่วนจำเลยเบิกความตอบคำถามค้านทนายโจทก์ว่า จำเลยเคยมีเพศสัมพันธ์กับโจทก์ไม่ถึง 10 ครั้ง ส่วนใหญ่ที่ห้องพักของนายทนงศักดิ์โดยจำเลยยินยอมด้วย คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวเจือสมสนับสนุนพยานหลักฐานโจทก์ว่า ทั้งก่อนและหลังจากจำเลยทราบว่านายทนงศักดิ์มีโจทก์เป็นภริยาแล้ว จำเลยยังติดต่อคบหาสมาคมกับนายทนงศักดิ์และติดตามนายทนงศักดิ์มาถึงสถานที่ทำงาน อยู่ในห้องทำงานของนายทนงศักดิ์และมีเพศสัมพันธ์กันซึ่งมิใช่สถานที่รโหฐาน ปกปิดมิดชิดไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เมื่อคนงานและเพื่อนร่วมงานนายทนงศักดิ์ทราบว่า นายทนงศักดิ์มีภริยาแล้วและพบเห็นจำเลยกับนายทนงศักดิ์มาที่บริษัท โดยจำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยกับนายทนงศักดิ์มีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ หลังจากจำเลยทราบว่านายทนงศักดิ์มีภริยาแล้ว ย่อมทำให้วิญญูชนทั่วไปมีเหตุอันควรเชื่อและเข้าใจว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับนายทนงศักดิ์ มากกว่าที่จะรู้จักกันในฐานะลูกค้าหรือบุคคลธรรมดาที่รู้จักกันทั่วไป ข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับนายทนงศักดิ์สามีโจทก์ในทำนองชู้สาวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีที่ฟังยุติมาข้างต้นมิอาจแปลความว่า การกระทำของจำเลยมีลักษณะลักลอบมีเพศสัมพันธ์กับนายทนงศักดิ์และพยายามปกปิดการกระทำให้ทราบกันตามลำพังระหว่างจำเลยกับนายทนงศักดิ์ ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับนายทนงศักดิ์ในทำนองชู้สาวโดยรู้แล้วว่านายทนงศักดิ์มีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้ว และกำหนดค่าทดแทนให้จำเลยรับผิดมานั้นและโจทก์พอใจในค่าทดแทนดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ