คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะเข้ารับช่วงสิทธิไถ่การจำนองจากโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยและเข้าเป็นผู้รับจำนองแทนที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนได้ตาม มาตรา 229(1),230 แม้ว่าจำเลยจะตกลงด้วยหรือไม่ก็ตามที

ย่อยาว

คดีนี้เนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยนำเงินมาไถ่จำนองโจทก์ หากไถ่ถอนไม่ได้ให้ขายทอดตลาดที่ดินรายจำนอง คดีระหว่างยึดที่ดินรายนี้เพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นโจทก์ในอีกคดีหนึ่ง ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยรับเงินจำนวนหนึ่งแล้วโอนที่พิพาทรายนี้ให้ผู้ร้องโดยปลอดการจำนอง คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์จึงขอให้ศาลนัดทุกฝ่ายมาตกลงกัน ครั้นนัดพร้อมกันแล้วผู้ร้องแถลงขอไถ่การจำนองเพื่อรับช่วงสิทธิการจำนองมาเป็นของผู้ร้อง และขอให้ถือว่าเงินที่จำเลยจะได้รับจากผู้ร้องนั้นได้ไถ่ถอนการจำนองรายนี้ด้วย จำเลยไม่แถลง ขอให้รอทนายแต่ปรากฏว่าไม่ได้แต่งทนายไว้ในคดีนี้ ส่วนโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นจึงสั่งอนุญาตตามที่จำเลยแถลง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีนี้แม้โจทก์จะยินยอมตามข้อเสนอของผู้ร้องแต่จำเลยมิได้ตกลงยินยอมด้วย การที่ผู้ร้องเข้ารับช่วงสิทธิเป็นผู้รับจำนองแทนโจทก์ทำให้การจำนองยังคงอยู่มิได้ระงับไปเป็นการขัดต่อคำบังคับของคำพิพากษาในคดีนี้ จึงพิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิไถ่ถอนการจำนองกับโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำนองจำเลยเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนมิให้เสื่อมเสียได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 229(1), 230 จำเลยจะได้ตกลงด้วยหรือไม่ ไม่เป็นเหตุขัดข้อง เพราะตาม มาตรา 229(1), 230 ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะทำได้

จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share