คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4804/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เข้าไปขุดเอาหน้าดินในที่ดินพิพาทของโจทก์ร่วมไปย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 มาตรา 358 และมาตรา 362 เป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 334 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 358,362, 365, 83 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์2,000,000 บาท ให้ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นายคะเน็ต ผดุงชีวิต ผู้เสียหายยื่นคำร้อง ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยวางโทษจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (7) ไว้คนละ 2 ปี จำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 คนละ 1 ปี และจำคุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365 (2) อีกคนละ 2 ปี รวมโทษจำคุกจำเลยคนละ 5 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ราคาทรัพย์ 2,000,000บาท ให้แก่โจทก์ร่วมด้วย
โจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาฟ้องข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ที่พิพาทตามโฉนดเลขที่ 1630 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง ปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเดิมเป็นของนางสาวถนอมโดยซื้อมา เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม2523 มีที่ดินจำเลยที่ 1 ติดอยู่ 2 ด้าน และมีบ้านนางสายบัว แป้นขำ อยู่ห่างที่พิพาทประมาณ 2 เส้น เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2529 นางทองสุข ทวีมูลแจ้งโจทก์ร่วมว่า มีผู้ลักลอบขุดหน้าดินของโจทก์ร่วมเป็นปริมาตร 25,000ลูกบาศก์เมตร ไปถมที่ดินของจำเลยที่ 1 คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดฟ้องโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาฟังขอ้เท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ได้บุกรุกเข้าไปลักขุดเอาดินในที่พิพาทของโจทก์ร่วมไป จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 มาตรา 358 และมาตรา 362โดยเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมาย หลายบท ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 มาตรา 358 และมาตรา 362 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 334 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี ปรับ 6,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษ จำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึง อายุ ประวัติ อาชีพ สิ่งแวดล้อม สภาพความผิดประกอบแล้ว สมควรให้โอกาสจำเลยที่ กลับตนเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โทษปรับให้เป็นไปตามมาตรา 29, 30 ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ราคาทรัพย์จำนวน500,000 บาท แก่โจทก์ร่วม ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์.

Share