คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10783/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกระทำที่จะเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 187 ต้องเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัด หรือที่ตนรู้ว่าน่าจะถูกยึดหรืออายัด จึงต้องเป็นกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้ว และจำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว เพื่อจะมิให้การเป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล แต่คดีนี้ขณะที่จำเลยขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 ให้แก่ พ. นั้น ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยกับพวกชำระหนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 187

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 187, 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์นำสืบว่า โจทก์ค้าขายผลไม้ประเภทส้มเขียวหวาน จำเลยและนางสาวสมจิตร์ สั่งซื้อส้มเขียวหวานไปจากโจทก์หลายครั้ง ค้างชำระค่าส้มเขียวหวานเป็นเงิน 240,256 บาท โจทก์ทวงถาม แต่จำเลยและนางสาวสมจิตร์เพิกเฉย โจทก์จึงมอบให้ทนายความมีหนังสือทวงถาม แต่จำเลยและนางสาวสมจิตร์ไม่ชำระ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2540 โจทก์ฟ้องจำเลยและนางสาวสมจิตร์ต่อศาลชั้นต้นให้ชำระหนี้ดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์ คดีถึงที่สุด ศาลชั้นต้นออกคำบังคับและหมายบังคับคดีแล้ว เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2545 เพื่อนของโจทก์บอกว่าจำเลยเคยเสนอขายที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 จังหวัดลพบุรี แต่เพื่อนของโจทก์ไม่รับซื้อ โจทก์จึงไปตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2540 จำเลยนำที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 ซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้แก่นายสมพงษ์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2539 เพื่อประกันหนี้เงินกู้ 650,000 บาท โดยให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี และกำหนดเวลาไถ่ถอนคืนภายใน 1 ปี ไปขายฝากแก่นายสมพงษ์ มีกำหนด 1 ปี เป็นเงิน 2,000,000 บาท แล้วจำเลยไม่ไถ่ถอนคืนภายในกำหนด ที่ดินจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสมพงษ์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่ติดถนนสาธารณะและถนนซอย รถยนต์เข้าไม่ถึง และมีราคาประเมิน 1,089,000 บาท จำเลยไม่น่าจะเป็นหนี้นายสมพงษ์จริง การกระทำของจำเลยมีเจตนาเพื่อจะมิให้การเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล โดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นอีก ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยมีมูลในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187 หรือไม่ เห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187 ต้องเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัด หรือที่ตนรู้ว่าน่าจะถูกยึดหรืออายัด จึงต้องเป็นกรณีที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้ว และจำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว เพื่อจะมิให้การเป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล แต่คดีนี้ขณะที่จำเลยขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 ให้แก่นายสมพงษ์ นั้น ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยกับพวกชำระหนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187 ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการต่อไปว่า การกระทำของจำเลยมีมูลในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 หรือไม่ เห็นว่า ตามสำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 จำเลยได้จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ซึ่งจำเลยกู้ยืมเงินไปจากนายสมพงษ์ และให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นเงิน 650,000 บาท ให้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี กำหนดเวลาไถ่ถอนคืนภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ 9 กันยายน 2539 ซึ่งเป็นวันทำสัญญาจำนอง ที่จำเลยไถ่ถอนจำนองจากนายสมพงษ์และขายฝากที่ดินแก่นายสมพงษ์ในวันเดียวกัน คือวันที่ 17 ธันวาคม 2540 จึงเชื่อได้ว่าเป็นการขายฝากเพื่อชำระหนี้จำนองดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมาจากพยานหลักฐานในสำนวน และเป็นไปตามข้อกฎหมายที่การจะไถ่ถอนจำนองซึ่งเป็นประกันการชำระหนี้ได้นั้น ผู้จำนองจะต้องชำระหนี้โดยสิ้นเชิงแก่ผู้รับจำนองเสียก่อน กรณีมิใช่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ยกข้อเท็จจริงนอกสำนวน หรือเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นดังที่โจทก์ฎีกา สำหรับการขายฝากที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 ที่กำหนดราคาขายฝากเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท แม้ในวันทำสัญญาขายฝากเจ้าพนักงานจะประเมินราคาที่ดินในการจดทะเบียน 1,089,000 บาท แต่นางณัฐวรรณ นักวิชาการที่ดินซึ่งโจทก์อ้างเป็นพยานก็เบิกความตอบคำถามค้านว่า ราคาประเมินที่ดินกับราคาซื้อขายไม่จำเป็นต้องเท่ากัน โจทก์อ้างเพียงว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 มิใช่ที่ดินทำเลดีและไม่มีทางออก ราคาน่าจะต่ำกว่านี้ แต่ที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 เป็นที่นาตามสำเนาโฉนดที่ดินระบุเขตติดต่อ แผนที่ และสารบาญแก้ทะเบียนว่าหลังจากแบ่งแยกที่ดินให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในปี 2513 และแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในปี 2515 แล้ว ที่ดินโฉนดเลขที่ 5052 มีเนื้อที่ 9 ไร่ 30 ตารางวา ด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกจดคลองขุด ด้านทิศตะวันตกจดคลองชลประทาน นับเป็นทำเลที่เหมาะแก่สภาพที่ดินซึ่งเป็นที่นา ราคาซื้อขายน่าจะสูงกว่าราคาประเมิน ทั้งราคาขายฝากหรือสินไถ่ที่กำหนดกันไว้จะสูงกว่าราคาที่ดินที่ซื้อขายกันเพราะต้องรวมเอาผลประโยชน์ตอบแทนของผู้รับซื้อฝากตลอดระยะเวลาที่ผู้ขายฝากอาจไถ่ทรัพย์สินได้ไว้ด้วย ราคาขายฝากจึงสูงเกินกว่าราคาที่ดินที่ซื้อขายกันเป็นธรรมดา ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยขายฝากที่ดินโดยเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าคดีไม่มีมูลความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share