แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯมาตรา28เพียงสันนิษฐานว่าโจทก์มีลิขสิทธิ์ในบทเพลงที่โจทก์ฟ้องเท่านั้นไม่ใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยังมีลิขสิทธิ์ในเพลงตามฟ้องจึงหาขัดต่อพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ประพันธ์เพลง มีลิขสิทธิ์แต่ผู้เดียวจำเลยทั้งสี่ร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยดัดแปลงเพลงของโจทก์และบันทึกเสียงลงในเทปของให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 24, 25, 26, 27, 43, 44, 46 และ 47ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “….คดีนี้ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คงมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่ศาลฎีกาเพียงขอ้เดียวว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบยืนยันไม่ได้ว่าเพลงตามฟ้องยังเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์อยู่นั้น ขัดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 28 หรือไม่ ได้พิเคราะห์บทบัญญัติดังกล่าวแล้วเห็นว่า บทบัญญัติข้อนี้เป็นเพียงสันนิษฐานว่าโจทก์มีลิขสิทธิ์ในบทเพลงที่โจทก์เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด และข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ว่า โจทก์นำสืบยืนยันไม่ได้ว่าเพลงตามฟ้องยังเป็นลิขสิทธิ์ของโจทก์อยู่นั้นเป็นเพียงข้อวินิจฉัยประกอบข้อหนึ่งของศาลอุทธรณ์ ซึ่งได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าเพลงต่าง ๆ ตามฟ้องเป็นเพลงของบุคคลอื่นซึ่งได้ขายลิขสิทธิ์ให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วบ้าง ที่โจทก์ขายแก่ฝ่ายจำเลยเองบ้างปรากฎตามเอกสารต่าง ๆ ที่ฝ่ายจำเลยอ้าง และข้อนำสืบของโจทก์เจือสมกับข้อนำสืบของจำเลย ที่อ้างในฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ฟังว่าการโอนบางครั้งทำเป็นหนังสือ บางครั้งไม่ได้ทำเป็นหนังสือนั้นเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ยกคำเบิกความของโจทก์ขึ้นมา มิใช่เชื่อข้อเท็จจริงตามนี้ สรุปแล้วศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า โจทก์ยังมีลิขสิทธิ์ในเพลงตามฟ้องแล้ว พยานหลักฐานจำเลยฟังได้ว่าโจทก์ไม่มีลิขสิทธิ์ในเพลงตามฟ้องแล้ว จึงเอาผิดกับจำเลยไม่ได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงหาขัดต่อพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ไม่ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น…”
พิพากษายืน.