คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อขายจำหน่าย ก็โดยเจตนาขายจำหน่าย และเฮโรอีนที่จำเลยขายไปก็คือเฮโรอีนของกลางที่จำเลยมีไว้นั่นเอง ดังนั้นการมีเฮโรอีนเพื่อขายและการขายเฮโรอีนของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 15, 20 ทวิ, 20 ตรี, 29 ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2504มาตรา 4, 6, 7, 12 ลงโทษตามมาตรา 20 ทวิ บทหนักตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80 จำเลยมีความผิด 2 กระทง ในมาตรา 20 ทวิ ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อขายกระทงหนึ่ง ฐานขายยาเสพติดอีกกระทงหนึ่ง เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 76 จำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวมเป็น 5 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า มีความผิดฐานขาย จำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก 3 ปี 4 เดือน โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ตามวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา จำเลยขายเฮโรอีนของกลางให้แก่ผู้มีชื่อ และไม่ปรากฏว่าได้ค้นพบเฮโรอีนจำนวนอื่นในความครอบครองของจำเลยอีก ในชั้นนี้คงมีปัญหาแต่เพียงว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมหรือกรรมเดียว ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยบังอาจมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองของจำเลยเพื่อขายจำหน่ายก็โดยเจตนาขายจำหน่ายและเฮโรอีนที่จำเลยขายจำหน่ายให้แก่ผู้มีชื่อไปก็คือเฮโรอีนของกลางที่จำเลยมีไว้เพื่อขาย จำหน่ายนั่นเอง มิใช่เอาเฮโรอีนอื่นมาขาย จำหน่าย การมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขายจำหน่ายของจำเลย จึงเป็นกรรมเดียวกันกับการที่จำเลยขาย จำหน่ายเฮโรอีนนั้น การกระทำของจำเลยจึงมีกรรมเดียวเป็นกระทงความผิดเดียวเท่านั้น”

พิพากษายืน

Share