แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ป.วิ.อ. มาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาศาลตาม ป.วิ.อ. มาตา 166 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 83 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องและนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2546 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัดโจทก์ไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกฟ้อง ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2546 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นคำร้องพ้นระยะเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ศาลยกฟ้อง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า มีเหตุที่จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่หรือไม่ ในประเด็นนี้โจทก์ฎีกาว่า เหตุที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสอบคำให้การจำเลยและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2546 เพราะโจทก์เข้าใจผิดว่าศาลนัดพิจารณาคดีในวันที่ 3 มีนาคม 2546 และแม้ว่าโจทก์จะมาศาลในวันนัดก็ไม่สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาได้เนื่องจากจำเลยไม่มาศาลเช่นเดียวกันนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มาศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป”
พิพากษายกฎีกาโจทก์