แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสโดยจำเลยใช้มือชกถูกแก้มและเตะถูกขากรรไกรซ้ายหัก ดังนี้แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยเตะผู้เสียหายขากรรไกรขวาหักต่างกับฟ้องจริงก็ดี ข้อเท็จจริงนี้ก็เป็นแต่เพียงรายละเอียดของฟ้องไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งฟ้อง ไม่ถึงกับต้องยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือและเท้าทำร้ายพลตำรวจวีระ โดยชกถูกแก้มขวามีบาดเจ็บบอบช้ำ และใช้เท้าเตะถูกขากรรไกรเป็นบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตาม ม. 256
จำเลยต่อสู้ว่าพลตำรวจวีระเมากระชากบิดาเลี้ยงจำเลยจำเลยห้าม พลตำรวจวีระทำร้ายจำเลย ๆ จึงต่อสู้ป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ผลักพลตำรวจวีระแล้วชกถูกที่ไหล่ 1 ที เตะถูกบริเวรใบหน้าขากรรไกรขวาหัก แม้ตามฟ้องจะกล่าวว่าขากรรไกรซ้ายหักก็ไม่ใช่สำคัญคงฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายมีบาดเจ็บสาหัสเป็นความผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 256 ให้จำคุกจำเลย2 ปี 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์เถียงในข้อเท็จจริงและเถียงว่าจำเลยเตะถูกขากรรไกรซ้ายหักแต่ทางพิจารณาได้ความว่าขากรรไกรขวาหัก ข้อเท็จจริงจึงต่างกับฟ้อง ต้องยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา เห็นว่าคดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ข้อที่จำเลยอ้างว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องขอให้ยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 นั้นศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่าจำเลยเตะผู้เสียหายขากรรไกรขวาหักต่างกับฟ้องจริงก็ดี ข้อเท็จจริงนี้ก็เป็นเพียงแต่รายละเอียดของฟ้องไม่ใช่ข้อสำคัญแห่งฟ้อง ไม่ถึงกับต้องยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 พิพากษายืน