แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน 1 แปลงไม่มีโฉนด ได้ให้จำเลยอาศัยปลูกเรือน บัดนี้โจทก์ต้องการใช้ที่ดิน จึงขอให้จำเลยรื้อเรือน โจทก์, จำเลยรับกันว่า ที่พิพาทเดิมเป็นคลองติดอยู่กับที่ดินของโจทก์ แล้วตื้นเขินขึ้น จำเลยไม่ได้อาศัยโจทก์ รูปคดีเช่นนี้ไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ ศาลจะไปวินิจฉัยชี้ขาดขับไล่จำเลย โดยอ้างว่าจำเลยปลูกสร้างกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์หาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องตั้งรูปคดีมาเช่นนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีที่ดิน ๑ แปลงยังไม่มีโฉนด โจทก์ได้ให้จำเลยทั้ง ๒ อาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่ดินแถบหน้าที่ดิน บัดนี้โจทก์ต้องการที่ดินใช้ทำประโยชน์ จึงได้ให้จำเลยรื้อเรือนออกจากที่ดิน จำเลยไม่ยอม จึงขอให้บังคับจำเลยรื้อเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า ไม่เคยอาศัยที่ดินของโจทก์ จำเลยทำแพอาศัยอยู่ในคลองบางศาลา ต่อมาที่ดินตอนนี้ตื้นเขิน ทางราชการประกาศให้จำเลยรื้อแพ จำเลยขออนุญาตกำนันผู้ใหญ่บ้านปลูกกระท่อมอาศัยอยู่จนบัดนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย คู่ความรับกันว่า ที่พิพาทนี้เดิมเป็นคลองบางศาลา ซึ่งติดอยู่กับที่ดินของโจทก์แล้วตื้นเขินขึ้น ถึงฤดูน้ำ ๆ ท่วม ถึงฤดูแล้งน้ำแล้ง ศาลชั้นต้นจึงงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า ที่พิพาทจะเป็นกรรมสิทธิของโจทก์หรือไม่ ๆ สำคัญ ที่พิพาทอยู่หน้าที่ดินของโจทก์ ๆ มีสิทธิห้ามไม่ให้จำเลยกีดขวางชายตลิ่งได้ พิพากษาให้จำเลยรื้อเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าควรฟังข้อเท็จจริงต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานคู่ความต่อไป แล้วพิพากษาตามรูปคดี
โจทก์ฎีกาขอให้พิพากษาตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และโจทก์มิได้ตั้งรูปคดีมาในทางปลูกสร้างกีดขวางหน้าที่ดินของโจทก์
พิพากษายืน