คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัจจุบันกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลของประเทศไทยยังไม่มี ในเรื่องอายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าหรือสิ่งของที่ขนส่งทาง ทะเล ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในบรรพ 3 ลักษณะ 8 หมวด 1 ว่าด้วยรับขนของ อันเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับคดีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 วรรคสาม เมื่อปรากฏว่าผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับตราส่งรับสินค้าไปเมื่อพุทธศักราช 2522 และ 2523 โจทก์รับช่วงสิทธิเรียกร้องจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับตราส่งมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายและ บุบสลายของสินค้าเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2526 คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ
(วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2532)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์รับขนส่งสินค้าทางทะเลมีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์ได้รับโอนบรรดาทรัพย์สิน หนี้สินและความรับผิดตามสัญญาประกันภัยจากบริษัทการ์เดียนแอสชัวรันส์ จำกัด สาขาประเทศไทย ซึ่งได้รับประกันภัยสินค้าที่ผู้ซื้อสั่งซื้อจากประเทศอินเดียจำนวน ๔ ราย สินค้าดังกล่าวส่งมาทางเรือเดินทะเลโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ขนส่งทอดสุดท้าย เมื่อสินค้ามาถึงการท่าเรือแห่งประเทศไทยปรากฎว่ามีสินค้าชำรุดและขาดหายไปบางส่วนทั้ง ๔ ราย โจทก์และบริษัทการ์เดียนแอสชัวรันส์ จำกัด สาขาประเทศไทย ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ซื้อสินค้าไปแล้ว โจทก์จึงได้รับช่วงสิทธิและรับโอนสิทธิมาฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในความเสียหายดังกล่าวเป็นเงิน ๓๑๘,๖๔๘.๙๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ มิได้มีวัตถุประสงค์รับขนส่งสินค้าทางทะเล แต่มีวัตถุประสงค์รับขนถ่ายสินค้าจากเรือขึ้นฝั่งและขนสินค้าลงเรือที่จอดเทียบท่า จำเลยทั้งสองมิได้เป็นผู้ร่วมขนส่งทอดสุดท้ายโดยจำเลยทำหน้าที่เป็นผู้แทนของบริษัทเดินเรือ และคดีของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่บริษัทเดินเรือทั้งสองขนสินค้าจากประเทศอินเดียมายังท่าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นท่าเรือปลายทางเป็นการรับขนของทางทะเล ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๙ วรรคท้าย บัญญัติว่า “รับขนของทางทะเล ท่านให้บังคับตามกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการนั้น” ปัจจุบันกฎหมายและกฎข้อบังคับว่าด้วยการรับขนของทางทะเลของประเทศไทยยังไม่มี ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าในเรื่องอายุความฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายของสินค้าหรือสิ่งของที่ขนส่งทางทะเล ต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๒๔ ซึ่งเป็นบทบัญญัติในบรรพ ๓ ลักษณะ ๘ หมวด ๑ ว่าด้วยรับขนของ อันเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งมาปรับคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔ วรรคสาม มาตรา ๖๒๔ บัญญัติว่า “ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่วันส่งมอบ หรือปีหนึ่งนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต ปรากฏว่าผู้ซื้อสินค้าตามฟ้องหรือผู้รับตราส่งรับสินค้าไปเมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๒ และ ๒๕๒๓ โจทก์รับช่วงสิทธิเรียกร้องมาจากผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับตราส่งมาฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายและบุบสลายของสินค้าตามฟ้องเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๖ คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามมาตรา ๖๒๔
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share