คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงรับซื้อฝากที่ดินของโจทก์ ได้ทำสัญญาขายฝากกันโดยมีชื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้รับซื้อฝาก แต่จำเลย ที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญานั้น ดังนี้จำเลยที่ 2 จะยกการครอบครองปรปักษ์ขึ้นยันโจทก์ผู้ขายฝากไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอไถ่นาพิพาทซึ่งนายบุญรักษ์บิดาโจทก์ขายฝากไว้กับจำเลยที่ 1 บิดาโจทก์วายชนม์ โจทก์เป็นผู้รับมรดก จำเลยที่ 1 ให้การว่า นาพิพาทเป็นของจำเลยได้รับมรดกจากมารดา สัญญาขายฝากจำเลยได้ทำขึ้นจริงแต่เพื่อเป็นการอำพรางบุคคลที่ 3 เท่านั้นจำเลยที่ 2 ให้การว่านาพิพาทด้านตะวันออกเป็นมรดกได้แก่นายกระจ่างน้องจำเลย ๆ รับมรดกร่วมกับจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 คืนนาพิพาทกะบิ้ง ก.ข.ให้โจทก์ และรับเงิน 250 บาท จากโจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า นาพิพาทเป็นของบิดาโจทก์ทำสัญญาขายฝากไว้แก่จำเลยที่ 1 ในสัญญาขายฝากมีชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับขายฝากแต่จำเลยที่ 2 มิได้ลงลายมือชื่อในสัญญา แต่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ได้พูดจาตกลงกับโจทก์ว่าจะเป็นผู้รับซื้อฝากพร้อมกับจำเลยที่ 1 และโจทก์ได้มอบที่ดินให้จำเลยทั้ง 2 ครอบครอง จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่าได้เข้าครอบครองปรปักษ์มา 13 ปี จึงฟังไม่ได้ชอบที่จำเลยที่ 2 จะคืนนาให้แก่โจทก์ด้วย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 รับคืนเงิน250 บาท แล้วให้จำเลยที่ 1, 2 คืนนารายพิพาทให้แก่โจทก์ด้วย

Share