แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าสามีจำเลยกู้เงินโจทก์ไปใช้จ่ายหาเลี้ยงในครอบครัวเมื่อสามีตายจำเลยเป็นผู้รับมรดกจึงขอให้จำเลยรับผิด
เมื่อคดีโจทก์ฟังไม่ได้ว่าหนี้นั้นเป็นหนี้ร่วมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ทั้งข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายวุ่นเป็นสามีจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายนายวุ่นได้กู้เงินโจทก์ไป 6,000 บาทเพื่อเอาไปประกอบการทำมาหากินเลี้ยงจำเลยและบุตรในครอบครัวต่อมานายวุ่นตายและยังไม่ได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยจำเลยเป็นภรรยาและเป็นผู้รับมรดกนายวุ่นมีหน้าที่รับผิดใช้หนี้แทนนายวุ่น จำเลยปฏิเสธจึงขอให้บังคับจำเลย
จำเลยต่อสู้ว่านายวุ่นได้หย่าขาดจากสามีภรรยาแล้ว นายวุ่นตายหลังการหย่าและไม่เคยกู้เงินโจทก์ ลายมือชื่อไม่ใช่ของโจทก์และนายวุ่นไม่เคยนำเงินจำนวนดังกล่าวในฟ้องมาหาเลี้ยงครอบครัวจำเลยไม่ได้รับมรดกนายวุ่นเพราะได้หย่าขาดก่อนนายวุ่นตายโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แทนนายวุ่น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระต้นเงิน 6,000 บาทและดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาเห็นว่าคดีฟังไม่ได้ว่าเงินซึ่งนายวุ่นกู้ไปจากโจทก์นั้นได้นำไปใช้ประกอบการทำมาหาเลี้ยงจำเลยและบุตรซึ่งอยู่ในครอบครัวจริงดังโจทก์ฟ้องเมื่อฟังว่าหนี้ซึ่งนายวุ่นก่อขึ้นนั้นไม่ใช่หนี้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(1) จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดร่วมกับนายวุ่น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานจำเลยเป็นภรรยานายวุ่นได้
ส่วนข้อที่โจทก์ขอให้จำเลยรับผิดในฐานที่จำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกับนายวุ่นนั้นได้ขาดจากการสมรสเพราะหย่ากันแล้ว ทั้งข้อเท็จจริงก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รับผิดฐานเป็นผู้รับมรดกนายวุ่น
พิพากษายืน