แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธว่า สัญญากู้ยืมเงินเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อไว้มากรอกข้อความโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ภาระการพิสูจน์จึงตกอยู่แก่โจทก์ที่ต้องนำสืบให้ได้ความตามประเด็นที่กล่าวอ้างในคำฟ้อง
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งมิได้หมายความว่าจะต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอันเกิดจากการนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายเสมอไป หากปรากฏว่าฝ่ายใดมีภาระการพิสูจน์แต่พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือหรือนำสืบไม่สมข้ออ้าง แม้เป็นการนำสืบฝ่ายเดียวโดยคู่ความอีกฝ่ายไม่มีพยานมาสืบก็ต้องแพ้คดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,713,058.61 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 1,040,565 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท แทนจำเลยทั้งสอง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันรับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากันได้ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ยืมเงินในสัญญากู้ยืมเงิน ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธว่า สัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากโจทก์นำสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อไว้มากรอกข้อความโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ภาระการพิสูจน์จึงตกอยู่แก่โจทก์ที่ต้องนำสืบให้ได้ความ ตามประเด็นที่กล่าวอ้างในคำฟ้องซึ่งในทางนำสืบโจทก์ได้อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกไร่ของโจทก์ได้ขอสินเชื่อจากโจทก์เพื่อทำไร่ สินเชื่อดังกล่าวมีทั้งส่วนที่เป็นเงิน พันธุ์พืช ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช จำเลยทั้งสองตกลงว่าหากได้ผลผลิตแล้วจะนำมาขายให้แก่โจทก์เพื่อหักกลบลบหนี้กับหนี้สินเชื่อดังกล่าว โจทก์ได้ผลประโยชน์จากการให้สินเชื่อเป็นดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จำเลยทั้งสองขอสินเชื่อจากโจทก์เป็นเวลาประมาณ 15 ปี นอกจากนี้ในปี 2532 จำเลยทั้งสองยังได้กู้ยืมเงินโจทก์อีก 250,000 บาท เพื่อซื้อที่ดินของนายเลื่อนต่อมาวันที่ 26 มกราคม 2540 มีการคิดบัญชีหนี้สินต่อกัน ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ 1,040,565 บาท โจทก์จึงให้นางสาววิภารัตน์น้องสาวโจทก์เขียนสัญญากู้ยืมเงินแล้วให้จำเลยทั้งสองลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้ยืมเงินและให้นางสาวหทัยภรณ์ลงลายมือชื่อเป็นพยาน หลังจากทำสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้แก่โจทก์เพียงครั้งเดียวเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2541 เป็นเงิน 60,000 บาท แล้วไม่ชำระอีกเลย เห็นว่า นอกจากสัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาอ้างเป็นหลักฐานซึ่งจำเลยทั้งสองโต้แย้งถึงความถูกต้องของมูลหนี้แล้วโจทก์ไม่มีเอกสารหรือหลักฐานใด ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมาของยอดหนี้ที่โจทก์นำมาแปลงหนี้เป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าว คงมีแต่คำเบิกความของโจทก์ลอย ๆ ส่วนพยานโจทก์อีกปากหนึ่งคือนางสาวหทัยภรณ์ ก็เป็นเพียงผู้ที่ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้ยืมเงินซึ่งมิได้รู้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่มาของยอดหนี้ที่โจทก์นำมาแปลงหนี้เป็นหนี้เงินกู้แต่อย่างใดยิ่งกว่านั้นนางสาวหทัยภรณ์ยังเบิกความขัดแย้งกับโจทก์เกี่ยวกับยอดหนี้ในสัญญากู้ยืมเงิน โดยโจทก์เบิกความว่าเป็นยอดหนี้ที่โจทก์นำเอาดอกเบี้ยที่จำเลยทั้งสองค้างชำระมารวมเข้ากับต้นเงิน แต่นางสาวหทัยภรณ์เบิกความว่าเป็นยอดหนี้ที่โจทก์คิดเฉพาะต้นเงินไม่รวมดอกเบี้ย นอกจากนี้เมื่อพิเคราะห์ถึงสีน้ำหมึกของลายมือชื่อในช่องผู้ให้กู้ช่องผู้กู้ยืมเงินและช่องพยานในสัญญากู้ยืมเงินแล้วปรากฏว่ามีความเข้มแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่น่าเชื่อว่าเป็นสีน้ำหมึกของปากกาด้ามเดียวกัน ที่โจทก์อ้างว่าใช้ปากกาด้ามเดียวกันเขียนจึงขัดต่อเหตุผล พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีพิรุธและไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ และการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งก็มิได้หมายความว่าจะต้องชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอันเกิดจากการนำสืบของคู่ความทั้งสองฝ่ายเสมอไปดังที่โจทก์อ้าง หากปรากฏว่าฝ่ายใดมีภาระการพิสูจน์แต่พยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือหรือนำสืบไม่สมข้ออ้างแม้เป็นการนำสืบฝ่ายเดียวโดยคู่ความอีกฝ่ายไม่มีพยานมาสืบก็ต้องแพ้คดี ดังนั้น เมื่อโจทก์มีภาระการพิสูจน์ แต่พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือโจทก์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีสำหรับเหตุผลอื่น ๆ ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้วินิจฉัยไว้โดยละเอียดแล้วซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยและไม่จำต้องกล่าวซ้ำอีก และฎีกาข้ออื่น ๆ ของโจทก์ก็ไม่มีน้ำหนักพอให้เปลี่ยนแปลงผลคดีได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ