แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้แก่ราษฎรในหมู่บ้าน นอกจากอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยวขนาด 12 ที่ใช้ยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ทางราชการมอบให้ไว้ใช้ตรวจรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านแล้ว จำเลยยังมีอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 ที่ใช้ยิงขึ้นฟ้าในวันเกิดเหตุอีก 1 กระบอก จำเลยย่อมมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนและทราบดีอยู่แล้วว่าอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่าย แต่จำเลยยังใช้อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยวขนาด 12 ของกลางที่มีกระสุนบรรจุอยู่ในการข่มขู่ผู้ตาย ในขณะผู้ตายนั่งอยู่บนแคร่ จำเลยเดินถืออาวุธปืนเข้าไปหาผู้ตายเพื่อข่มขู่ โดยปากกระบอกปืนชี้ไปหาผู้ตายในระยะใกล้จนผู้ตายสามารถจับปากกระบอกปืนได้ จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาวุธปืนของกลางอาจลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ชีวิตได้ แต่จำเลยยังคงกระทำการดังกล่าว เมื่อเกิดการดึงปืนกันจนปืนลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย หาใช่เป็นการกระทำโดยประมาทไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 288, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72 ริบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 และปลอกกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 2 ปลอก ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และข้อหายิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 15 ปี ฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานมีอาวุธปืนที่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คงจำคุก 6 เดือน ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน คงปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 15 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง คืนอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยวของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลดโทษให้แล้ว เป็นจำคุก 10 ปี 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท ริบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยกับนางสาวเสาวนีย์ ผู้ตาย ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยทะเลาะกัน ผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตก จำเลยโมโหจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 ของกลาง ออกไปยิงขึ้นฟ้าบริเวณข้างบ้าน 1 นัด และนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลาง มาถือขู่ผู้ตาย แล้วกระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวา เป็นบาดแผลฉีกขาดที่หนังศีรษะจนกะโหลกศีรษะแตกและเยื่อหุ้มสมองฉีกขาดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ในวันเกิดเหตุ ร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์ พนักงานสอบสวนไปตรวจที่เกิดเหตุ พบศพผู้ตายบริเวณแคร่ไม้หน้าห้องนอนชั้นล่าง พบอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 มีปลอกกระสุนปืนในลำกล้อง 1 ปลอก และกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 นัด ในบ้านที่เกิดเหตุ และพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 1 ปลอก ข้างบ้านที่เกิดเหตุ จึงยึดไว้เป็นของกลาง วันรุ่งขึ้นจำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและนำไปตรวจยึดอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 และกระสุนปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน 3 นัด เป็นของกลาง คดียุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน เนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ในความผิดดังกล่าวและยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตเนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในความผิดดังกล่าว
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ยิงผู้ตายด้วยเจตนาฆ่า ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ในขณะผู้ตายถูกจำเลยใช้อาวุธปืนยิง คำเบิกความของนายสุนทร นายเลิศสินและนางสมบุญก็เป็นพยานแวดล้อมใกล้ชิดเหตุการณ์หลังเกิดเหตุที่ยืนยันได้เพียงว่าจำเลยมีส่วนทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเท่านั้น แม้โจทก์มีคำให้การของนายพิษณุ พยานแวดล้อมในขณะเกิดเหตุมาสนับสนุนคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าว โดยนายพิษณุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทำให้ไม่อาจมาเบิกความเป็นพยาน อันเป็นเหตุจำเป็นให้ศาลรับฟังคำให้การของนายพิษณุซึ่งเป็นพยานบอกเล่าได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226/3 วรรคสอง (2) แต่นายพิษณุให้การเพียงว่า บ้านของนายพิษณุอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 30 เมตร วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 23 นาฬิกา นายพิษณุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากทางบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นได้ยินเสียงผู้ตายบ่นว่า อะไรกันนักหนาจะยิงอะไรกันนักหนา สักพักนายพิษณุได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด จากนั้นนายพิษณุเห็นจำเลยซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเดินกระวนกระวายอยู่บนถนน พูดบ่นว่า “ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอแบบนี้” ต่อมานายสุนทรขับรถจักรยานยนต์มาถึง จำเลยพูดกับนายสุนทรว่า “โทรแจ้งหมวดยูรให้หน่อย ผมฆ่าเมียตาย” เมื่อนายพิษณุไปบ้านที่เกิดเหตุเห็นผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ศีรษะเสียชีวิต โดยนายพิษณุเคยเห็นจำเลยกับผู้ตายมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย แต่ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย คำให้การของนายพิษณุจึงไม่สามารถยืนยันเหตุการณ์ขณะจำเลยยิงผู้ตายได้เช่นเดียวกัน โจทก์คงมีพยานสำคัญ คือ คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเท่านั้นที่สามารถยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดยจำเลยให้การในรายละเอียดว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายทะเลาะกัน ผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตก จำเลยโมโหจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 ของกลาง ออกไปยิงขึ้นฟ้าบริเวณข้างบ้าน 1 นัด ผู้ตายบ่นจำเลยว่ายิงขึ้นฟ้าทำไมยิงกูเลย จำเลยพูดประชดไปว่า “อยากให้เป็นเช่นนั้นใช่ไหม หากกูยิงมึง มึงก็ตาย กูก็ติดคุก ลูกจะอยู่กับใคร” แต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมหยุดบ่น ด้วยความรำคาญ จำเลยจึงนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลาง มาถือขู่ผู้ตายให้หยุดบ่น แต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดและพูดท้าทายว่ายิงกูเลยยิงที่หัว แล้วผู้ตายดึงปากกระบอกปืนไปจ่อที่ศีรษะของผู้ตาย จำเลยดึงปืนออกจากศีรษะ แต่กระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวา คำให้การดังกล่าวนอกจากจะสอดคล้องกับสภาพบ้านที่เกิดเหตุซึ่งพบร่องรอยการต่อสู้และไม้จับยุงไฟฟ้าที่แตกหักวางอยู่ในห้องนอนแล้ว ผู้ชำนาญการยังตรวจพบธาตุ Antimony และ Barium ที่มือของผู้ตายในปริมาณที่เชื่อว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับการยิงปืนด้วย จึงเชื่อได้ว่าจำเลยนำอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลาง มาถือขู่ผู้ตาย แล้วผู้ตายดึงปากกระบอกปืนไปจ่อที่ศีรษะของตนเอง จำเลยดึงปืนออกเป็นเหตุให้กระสุนปืนลั่นถูกผู้ตายที่ศีรษะด้านขวาจนถึงแก่ความตาย ดังที่จำเลยให้การจริง ส่วนเหตุที่จำเลยกับผู้ตายทะเลาะกันถึงขั้นผู้ตายใช้ไม้จับยุงไฟฟ้าตีจำเลยได้รับบาดเจ็บกระดูกนิ้วนางมือขวาแตกนั้น จำเลยกับผู้ตายเป็นสามีภริยากันมาเป็นเวลากว่า 30 ปี มีเหตุทะเลาะกันบ่อยครั้ง เหตุที่เกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงถึงขนาดที่จำเลยคิดจะฆ่าผู้ตาย โดยหลังเกิดเหตุจำเลยอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจจนไม่สามารถควบคุมสติได้ ทั้งเป็นผู้เดินไปแจ้งต่อบุคคลอื่นว่าทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หากจำเลยประสงค์จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายจริง จำเลยคงไม่แสดงกริยาเช่นนั้น อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยเป็นผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยให้แก่ราษฎรในหมู่บ้าน นอกจากอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ที่ใช้ยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่ทางอำเภอชัยบาดาลมอบให้ไว้ใช้ตรวจรักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านแล้ว จำเลยยังมีอาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (NTS) แบบสไลด์ แอ็คชั่น (SLIDE ACTION) บรรจุ 4 นัด ขนาด 12 ที่ใช้ยิงขึ้นฟ้าในวันเกิดเหตุอีก 1 กระบอก จำเลยย่อมมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนและทราบดีอยู่แล้วว่าอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรงสามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ง่าย แต่จำเลยยังใช้อาวุธปืนยาวลูกซองเดี่ยว (STEVENS) ขนาด 12 ของกลางในการข่มขู่ผู้ตาย เมื่อพิจารณาสภาพศพของผู้ตายที่นอนอยู่บริเวณแคร่ไม้หน้าห้องนอนชั้นล่าง แสดงให้เห็นว่าขณะเกิดเหตุผู้ตายคงจะนั่งอยู่บนแคร่ จำเลยเดินถืออาวุธปืนเข้าไปหาผู้ตายเพื่อข่มขู่ โดยปากกระบอกปืนคงชี้ไปหาผู้ตายในระยะใกล้ มิฉะนั้นผู้ตายคงไม่สามารถจับปากกระบอกปืนของจำเลยได้ จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าอาวุธปืนของกลางอาจลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ชีวิตได้ แต่จำเลยยังคงกระทำการดังกล่าว เมื่อเกิดการดึงปืนกันจนปืนลั่นถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่าผู้ตาย หาใช่เป็นการกระทำโดยประมาทดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน