แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บ. เจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ ได้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยร่วม บ. ยินยอมให้จำเลยนำรถคันดังกล่าวไปใช้จำเลยขับไปชนรถยนต์ของผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ แม้ว่าโจทก์จะมิได้ฟ้อง บ. ผู้เอาประกันภัยให้รับผิด แต่เมื่อบริษัทจำเลยร่วมยอมรับว่า หากผู้เอาประกันภัยยินยอมให้ผู้ใดขับรถคันที่เอาประกันไว้แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทจำเลยร่วมจะต้องรับผิดชอบด้วย บริษัทจำเลยร่วมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทของผู้ตาย จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนรถผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้จำเลยชำระค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาท จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นหมายเรียกบริษัท น. ซึ่งรับประกันภัยรถยนต์คันที่จำเลยขับมาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องของจำเลย
จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้นำรถยนต์คันดังกล่าวมาประกันภัยไว้กับบริษัทจำเลยร่วม จึงไม่ใช่คู่สัญญา บริษัทจำเลยร่วมไม่ต้องรับผิด หากจะต้องรับผิดก็แต่เฉพาะค่าใช้จ่ายในการจัดการศพผู้ตายเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์และให้จำเลยร่วมชำระค่าเสียหายเกี่ยวกับการจัดการศพผู้ตาย
จำเลยและจำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยร่วมฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยและจำเลยร่วมมิได้เป็นคู่สัญญาต่อกัน โจทก์มิได้ฟ้อง บ. ซึ่งเป็นผู้เอาประกัน จำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิด
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บ.เป็นเจ้าของรถยนต์คันเกิดเหตุ และได้เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยร่วม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บ. ยอมให้จำเลยซึ่งเป็นสามีนำรถยนต์คันดังกล่าวไปใช้จนเกิดเหตุขึ้น แม้โจทก์จะมิได้ฟ้อง บ. ผู้เอาประกัน แต่เมื่อผู้อำนวยการบริษัทจำเลยร่วมยอมรับว่า หากผู้เอาประกันยอมให้ผู้ใดขับรถคันที่เอาประกันไว้แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น บริษัทจำเลยร่วมจะต้องรับผิดชอบดังนี้ บริษัทจำเลยร่วมก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นทายาทของผู้ตาย
พิพากษายืน