คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10599/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาฟังได้ว่า ปุ๋ยเคมีปลอมที่จำเลยผลิตโดยมิได้นำขึ้นทะเบียนและมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยดังกล่าวนั้น เป็นปุ๋ยจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้า ผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนการค้า กับมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยมาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และเห็นสมควรมีคำสั่งให้ริบปุ๋ยปลอม 898 กระสอบ และกระสอบเปล่า 2,132 ใบ ของกลาง ให้แก่กรมวิชาการเกษตรเพื่อทำลายหรือจัดการตามที่เห็นสมควรตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 72/6 เสียด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 3, 7, 12, 30(1) (5), 32, 32/2, 36, 39, 57, 63, 64, 71, 72, 72/6 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91 ริบปุ๋ยปลอม 898 กระสอบ และกระสอบเปล่า 2,132 ใบ ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 12 (1) วรรคหนึ่ง, 30 (1) (5), 32 (3) (5), 57, 63 วรรคหนึ่ง, 64 วรรคหนึ่ง, 71 วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้าและฐานผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนเพื่อการค้า เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้า ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 7 ปี และปรับ 500,000 บาท ฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีปลอมและฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีปลอม อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี และปรับ 120,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 620,000 บาท โดยให้กักขังแทนค่าปรับเกินกว่า 1 ปีได้ แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบปุ๋ยปลอม 898 กระสอบ และกระสอบเปล่า 2,132 ใบ ของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีปลอมและฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียน ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนฐานผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้าและฐานผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนไต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเพื่อการค้า ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยผลิตปุ๋ยเพื่อใช้เองมิใช่เพื่อการค้านั้น เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างทั้งสองได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ชอบด้วยเหตุผลแล้ว และไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง
อนึ่ง ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องและตามทางพิจารณาฟังได้ว่าปุ๋ยเคมีปลอมที่จำเลยผลิตโดยมิได้นำขึ้นทะเบียนและมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยดังกล่าวนั้น เป็นปุ๋ยจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยที่ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้า ผลิตปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนเพื่อการค้า กับมีไว้เพื่อขายซึ่งปุ๋ยเคมีปลอมและปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และตามพระราชบัญญัติปุ๋ย พ.ศ.2518 มาตรา 72/6 บัญญัติว่า “เมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษผู้ใด เนื่องจากได้กระทำความผิดตามมาตรา 63 มาตรา 64 มาตรา 71 มาตรา 72 ให้ศาลสั่งริบปุ๋ยภาชนะ หรือหีบห่อบรรจุปุ๋ย เครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิตปุ๋ยหรือเอกสารที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดในคดีนั้นให้แก่กรมวิชาการเกษตรเพื่อทำลายเสียหรือจัดการตามที่เห็นสมควร” จึงเห็นสมควรมีคำสั่งให้ริบปุ๋ยปลอม 898 กระสอบและกระสอบเปล่า 2,132 ใบ ของกลาง ให้แก่กรมวิชาการเกษตรเพื่อทำลายเสียหรือจัดการตามที่เห็นสมควรเสียด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานผลิตปุ๋ยเคมีปลอมเพื่อการค้า ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 7 ปี และปรับ 500,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้กักขังแทนค่าปรับได้ไม่เกินหนึ่งปี ริบปุ๋ยปลอม 898 กระสอบ และกระสอบเปล่า 2,132 ใบ ของกลางให้แก่กรมวิชาการเกษตรเพื่อทำลายเสียหรือจัดการตามที่เห็นสมควร นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 1

Share