แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนน โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือให้แข่งรถได้จากเจ้าพนักงานจราจรโดยชอบด้วยกฎหมาย กับการที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยใช้ความเร็วสูงเป็นเหตุให้ ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย จำเลยกระทำโดยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยใช้ความเร็วสูงและเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและ ทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓, ๙๑, ๓๐๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔), ๑๓๔, ๑๖๐ ทวิ และริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑, ๓๐๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ (๔), ๑๓๔, ๑๖๐ ทวิ (ที่ถูก มาตรา ๔๓ (๔), ๑๓๔, ๑๕๗, ๑๖๐ ทวิ) เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานขับรถแข่งในทางโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานจราจร จำคุก ๒ เดือน ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหายและผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๒ เดือน รวมจำคุก ๔ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ในส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุก นั้น เห็นว่า การที่จำเลยร่วมกับพวกอีกหลายคนขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนวงแหวนทิศใต้ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือให้แข่งรถได้จากเจ้าพนักงานจราจรโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีเหตุได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย และจำเลยขับรถจักรยานยนต์โดยใช้ความเร็วสูงในบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจนำแผงเหล็ก กรวยยางสะท้อนแสงและรถกระบะของทางราชการเปิดสัญญาณไฟวาบวับกั้นถนนไว้ เป็นเหตุให้รถที่จำเลยขับพุ่งชนแผงเหล็กกั้นถนน รถเสียหลักพุ่งไปชนด้านหน้ารถกระบะคันดังกล่าวได้รับความเสียหาย นางสาวฤทัยรัตน์ซึ่งนั่งซ้อนท้ายมากับรถที่จำเลยขับได้รับอันตรายสาหัส แสดงให้เห็นว่าจำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น ทั้งขาดสำนึกและไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่นและสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน รวมทั้งผู้ที่สัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าวตามพฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยจะได้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายให้แก่มารดาผู้เสียหาย จนมารดาผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยและผู้เสียหายเป็นคนรักของจำเลย ทั้งหลังเกิดเหตุจำเลยสมัครเป็นนักศึกษาอยู่ก็ตาม ก็ยังไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง การที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนน โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือให้แข่งรถได้จากเจ้าพนักงานจราจรโดยชอบด้วยกฎหมายและไม่มีเหตุได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมาย กับการที่จำเลยขับรถด้วยความประมาทโดยใช้ความเร็วสูง เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย จำเลยกระทำ โดยมีเจตนาเดียวคือขับรถจักรยานยนต์แข่งกันไปตามถนนโดยใช้ความเร็วสูง และเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นสองกรรม จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้ไม่มีคู่ความยกขึ้นอุทธรณ์หรือฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๐ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๒ เดือน เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๑ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.