แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทกล่าวว่าโจทถูกจูงไจด้วยกลฉ้อฉลของจำเลยไห้หลงเข้าทำสัญญาโดยโจทมิได้บันยายว่าจำเลยกล่าวอ้างความจิงอันไดต่อโจทและเปนเท็ดหย่างไร จึงจูงไจไห้โจทเข้าทำสัญญา ย่อมเปนฟ้องที่ไม่แน่นอน , โจทฟ้องกล่าวว่า สัญญาลงวันที่ 16 พรึสจิกายน 2482 ไม่ไช่สัญญาที่แท้จิงและบริสุทธิอาดทำปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือปลอมข้อความบางส่วนหรือทำขึ้นด้วยการหลอกลวงโดยไม่รู้เท่าถึงความจิงไม่ยืนยันว่าจำเลยหลอกลวงโจทว่ากะไร ความจิงเปนหย่างไร ย่อมเปนฟ้องเคลือบคลุม.
ย่อยาว
โจทเปนภรรยานายเหียกวงเอี่ยมผู้วายชนม์และเปนผู้รับมรดก โจทได้ทำสัญญาว่าจะต้องขายนาตำบนบางลาว จังหวัดสมุทปราการ ๒๗๐๐ ไร่เสสไห้แก่จำเลยเปนเงิน ๑๕๐๐๐ บาท บัดนี้โจทฟ้องขอเลิกสัญญาโดยอาสัยเหตุว่าโจทเข้าทำสัญญาโดยถูกจำเลยหลอกลวงและโดยสำคันผิด
จำเลยไห้การต่อสู้และตัดฟ้องว่าฟ้องของโจทไม่แน่นอน เปนฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกดหมาย และฟ้องแย้งว่าโจทเปนฝ่ายผิดนัดขอไห้บังคับไห้โจทขายนาไห้จำเลยตามสัญญา โจทไห้การต่อสู้ว่าจำเลยฟ้องแย้งไม่ได้
สาลชั้นต้นวินิฉัยว่าฟ้องโจทเคลือบคลุมและการที่โจทมาฟ้องขอเลิกสัญญาที่เปนการสแดงว่า โจทไม่ยอมขายนาไห้จำเลย ๆ จึงฟ้องแย้งขอบังคับตามสัญญาได้ทันที พิพากสาไห้ยกฟ้องโจท ไห้โจทโอนขายที่นารายนี้ไห้แก่จำเลยโดยรับเงินที่ยังค้าง ๑๔๐๐๐ บาท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าฟ้องโจทได้บันยายมูลเหตุว่า โจทเข้าทำสัญญาโดยถูกหลอกลวงไห้หลงว่า นายเหียกวงเอี่ยมได้ทำสัญญากับจำเลย และสัญญานั้นยังคงไช้ได้หยู่ซึ่งโจทผู้เปนทายาทต้องผูกพันไม่เปนฟ้องเคลือบคลุมและโจทเข้าทำสัญญาโดยถูกหลอกลวงถึงขนาด ซึ่งโจทมีสิทธิเลิกสัญญาได้ตามป.พ.พ.มาตรา ๑๒๑ วัคต้น มาตรา ๑๒๒ และ ๑๑๙ จึงพิพากสากลับไห้สัญญาขายนาระหว่างโจทจำเลยเปนอันเลิกไปตามฟ้อง และยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยดีกา สาลดีกาวินิฉัยว่าฟ้องโจทเพียงกล่าวเปนเชิงว่าโจทถูกจูงไจด้วยกลฉ้อฉลของจำเลยไห้หลงเข้าทำสัญญา แต่โจทมิได้บันยายว่า จำเลยกล่าวอ้างความจิงอันไดต่อโจทและเปนเท็ดหย่างไร จึงจูงไจไห้โจทเข้าทำสัญญา จึงเปนฟ้องที่ไม่แน่นอนและฟ้องอีกข้อหนึ่งกล่าวว่า สัญญาลงวันที่ ๑๖ พรึสจิกายน ๒๔๘๒ ไม่ไช่สัญญาที่แท้จิงและบริสุทธิ์อาดทำปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือปลอมข้อความบางส่วนหรือทำขึ้นด้วยการหลอกลวงโดยไม่รู้เท่าถึงความจิง ไม่ยืนยันว่าจำเลยหลอกลวงโจทว่ากะไร ความจิงเปนหย่างไร สาลดีกาจึงเห็นว่าฟ้องโจทไนเรื่องกลฉ้อฉลนี้ เปนฟ้องเคลือบคลุม เมื่อข้อเท็ดจิงฟังได้ว่าโจทได้ทำสัญญาขายนาไห้จำเลยด้วยความสมัครไจ แม้จะมีเหตุที่จูงไจไห้เจ้าทำสัญญา โจทก็หามีสิทธิจะเลิกสัญญาได้ไม่และมื่อโจทขอเลิกสัญญาก็เปนการสแดงหยู่ไนตัวว่าโจทไม่ประสงค์ปติบัติตามสัญญา จำเลยชอบที่จะฟ้องแย้งขอไห้บังคับโจทขายนาแก่จำเลยตามสัญญาได้ จึงพิพากสากลับไห้บังคับคดีตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น