แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขายรถยนตร์ให้โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อจะได้กรรมสิทธิต่อเมื่อชำระราคาครบแล้วต่อมาผู้ขายกลับยอมให้ผู้ซื้อไปโอนใส่ชื่อเป็นเจ้าของก่อนชำระราคาดังนี้ ภายหลังผู้ซื้อไปขายรถให้แก่โจทก์ ๆ รับซื้อไว้โดยสุจริต ดังนี้โจทก์ยอมได้รถเป็นกรรมสิทธิ ผู้ขายเดิมจะอ้างข้อตกลงในสัญญาซื้อขายยันต่อโจทก์ซึ่งบุคคลภายนอก หาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าเดิมรถยนตร์รายพิพาทนี้เป็นของจำเลย ๆ ขายให้แก่ ฉ. ตามสัญญามีเงื่อนไข ว่าจะสำเร็จต่อเมื่อ ฉ. ได้ชำระเงิน ๖๐๐ บาท ให้จำเลย แล จำเลยได้โอนทะเบียนรถให้แก่ ฉ. แล้วปรากฏว่า ฉ. ยังไม่ได้ชำระเงินให้จำเลยแต่จำเลยได้ยอมโอนทะเบียนรถให้ ฉ. เป็นเจ้าของต่อมา ฉ. ได้โอนขายรถยนตร์คันนี้ให้โจทก์เป็นเงิน ๒๐๐ บาท แล้วกลับทำสัญญาเช่า ซื้อจากโจทก์โดยสัญญาส่งค่าเช่าให้เดือนละ ๔๐ บาท แล้วผิดสัญญาไม่ชำระเงินตามกำหนดบัดนี้ปรากฎว่ารถยนตร์คันนี้ตกอยู่ที่จำเลย โจทก์จึงฟ้องจำเลยขอให้คืนรถยนตร์หรือใช้ราคา ๒๔๐ บาท แก่โจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงระหว่างจำเลยกับ ฉ. นี้โจทก์หารู้เห็นด้วยไม่ เมื่อจำเลยยินยอมโอนทะเบียนรถใส่ชื่อ ฉ. เป็นเจ้าของแล้วย่อมแสดงต่อบุคคลภายนอกว่ากรรมสิทธิในรถเป็นของ ฉ. การกระทำของจำเลยเป็นเจตนาลวงด้วยสมรู้กับ ฉ. เข้าลักษณนิติกรรมอำพรางตาม ม. ๑๑๘ ซึ่งห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกทำการโดยสุจริตแลต้องเสียหายเราะเหตุนั้น จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒