คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2546

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นเห็นสมควรที่จะหยิบยกประเด็นข้อพิพาทข้อหนึ่งข้อใดขึ้นวินิจฉัยก่อน ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจกระทำเช่นนั้นได้ และได้วินิจฉัยประเด็นข้อใดแล้วมีผลให้คดีเสร็จไปแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีกเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงคดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามที่จำเลยให้การต่อสู้และประเด็นข้อนี้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์เท่ากับคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบเนื่องจากเสนอเข้ามาโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจ ประเด็นต่าง ๆ ตามคำฟ้องที่ไม่ชอบย่อมเป็นอันตกไปทั้งสิ้นไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้อีก
จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในศาลชั้นต้นอันเป็นการไม่ถูกต้องเพราะประเด็นตามอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิได้มีผลเกี่ยวกับทุนทรัพย์ในคดีจำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เพียงชั้นละ 200 บาท เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลอาคารชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มีนายสมบูรณ์ เกียรติเทพขจร เป็นผู้จัดการ และได้มอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ ดวงจักร ณ อยุธยา ฟ้องคดีนี้แทน จำเลยในฐานะเจ้าของห้องชุดมีหน้าที่ตามกฎหมายและข้อบังคับของโจทก์ในอันที่จะต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากบริการส่วนร่วมตามส่วนแห่งประโยชน์ที่มีต่อห้องชุดและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นับแต่วันที่โจทก์เริ่มดำเนินการตลอดมาทุกเดือน จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2538 ถึงเดือนมิถุนายน 2541 ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 514,790.64 บาท แก่โจทก์ พร้อมทั้งค่าสินไหมทดแทนหรือค่าปรับในอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน ของต้นเงิน 418,104 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า นายสมบูรณ์ผู้จัดการของโจทก์ต้องดำเนินคดีด้วยตนเองภายใต้มติที่ประชุมใหญ่ของเจ้าของร่วม ไม่สามารถมอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ฟ้องคดีแทนได้เพราะขัดต่อข้อบังคับของโจทก์และพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้ชำระเงินล่วงหน้าและค่าใช้จ่ายส่วนกลางรายเดือน ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2538 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2538 แก่โจทก์แล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าใช้จ่ายตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายสมบูรณ์ในฐานะผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดโจทก์ต้องฟ้องคดีด้วยตนเอง ไม่อาจมอบอำนาจให้นายทรงศักดิ์ฟ้องคดีแทนได้ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์ ขอให้วินิจฉัยประเด็นข้ออื่นด้วย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่ว่า จำเลยผิดนัดชำระหนี้และต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เพียงใด เป็นการไม่ชอบเพราะมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีให้ครบถ้วนนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นเห็นสมควรที่จะหยิบยกประเด็นข้อพิพาทข้อหนึ่งข้อใดขึ้นวินิจฉัยก่อน ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจกระทำเช่นนั้นได้ และเมื่อได้วินิจฉัยประเด็นข้อใดแล้วมีผลให้คดีเสร็จไปแล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีก เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงสำหรับคดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามที่จำเลยให้การต่อสู้ และประเด็นข้อนี้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะโจทก์มิได้อุทธรณ์ เท่ากับคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบเนื่องจากเสนอเข้ามาโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจ ประเด็นต่าง ๆ ตามคำฟ้องที่ไม่ชอบย่อมเป็นอันตกไปทั้งสิ้นไม่อาจยกขึ้นวินิจฉัยได้อีก ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนที่โจทก์ฟ้องทั้ง ๆ ที่จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในศาลชั้นต้นอันเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะประเด็นตามอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิได้มีผลเกี่ยวกับทุนทรัพย์ในคดี จำเลยจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เพียงชั้นศาลละ 200 บาท เท่านั้น และต้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนที่เกินมาให้แก่จำเลย”

พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาส่วนที่เกินกว่าชั้นศาลละ 200 บาทแก่จำเลย

Share