คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042-1044/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีอาญาที่ผู้ร้องได้เข้าประกันตัวจำเลยในระหว่างพิจารณานั้นวันนัดอ่านคำพิพากษามีผู้มาฟังคำพิพากษาในฐานะจำเลยครั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วปรากฏว่าผู้มาฟังคำพิพากษานั้นเป็นบุคคลอื่นไม่ใช่ตัวจำเลยจริง การที่มีการเปลี่ยนตัวจำเลยเช่นนี้เมื่อฟังว่านายประกันผู้ร้องรู้เห็นด้วย ถือได้ว่านายประกันผู้ร้องประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ย่อมเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามมาตรา31(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากนายสุพจน์ ดิษฐ์ด้วง ผู้ร้องได้ทำสัญญาประกันตัวจำเลยทั้งหมดในสำนวนที่รวมพิจารณา ๑๐ สำนวน จำเลย๑๑ คน เรื่องค้าประเวณี เมื่อศาลแขวงพระนครใต้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังเสร็จแล้ว คน ๒ คนที่นั่งฟังคำพิพากษารวมอยู่ในกลุ่มจำเลยได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาล โดยคนหนึ่งบอกว่าชื่อนางสุพิศ เจริญชัย รับจ้างมาแทนตัวนางแอ๊ด รอดเกิด จำเลย อีกคนหนึ่งบอกว่าชื่อนางซ่อนกลิ่นวังโพธิ์ รับจ้างมาแทนนางอร ศรีทอง จำเลย วันต่อมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางรัก แจ้งต่อศาลว่านางจำลอง วิเศษสิน ได้รับจ้างจากนายประกันมาแทนตัวนางมัสยา แช่มวิไล จำเลยอีกคนหนึ่ง โดยพนักงานสอบสวนนำตัวนางจำลอง วิเศษสิน ส่งศาลด้วย นางจำลองวิเศษสิน รับว่าได้มาฟังการพิจารณาและคำพิพากษาแทนนางมัสยา แช่มวิไลจำเลยจริง ศาลแขวงพระนครใต้ลงโทษนางสุพิศ นางซ่อนกลิ่นและนางจำลองฐานละเมิดอำนาจศาล และนัดไต่สวนนายประกันผู้ร้องว่าได้ส่งจำเลยทั้งสามมาศาลใช่ตัวจริงหรือไม่ ศาลแขวงพระนครใต้ไต่สวนแล้วฟังว่า นางสุพิศนางซ่อนกลิ่น และนางจำลองมาศาลแทนนางแอ๊ด นางอร และนางมัสยาจริง นายประกันผู้ร้องจึงผิดสัญญาประกัน ให้ปรับสำนวนละ ๕,๐๐๐ บาทรวมเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท และฟังว่าในการที่มีการเปลี่ยนตัวจำเลยกันขึ้นนี้นายประกันรู้เห็นเป็นใจด้วย เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลถือว่าละเมิดอำนาจศาล ให้ลงโทษจำคุกผู้ร้อง ๖ เดือนและปรับ ๕๐๐ บาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑), ๓๓
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพฤติการณ์ที่มีการเปลี่ยนตัวจำเลยกันนี้ศาลฎีกาเชื่อว่าผู้ร้องรู้เห็นด้วย อันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลผู้ร้องย่อมมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล พิพากษายืน

Share