คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามคนร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้มีดและปืนขู่ผู้เสียหายและจำเลยที่ 1 มีปืนพกไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองหนึ่งกระบอกโดยไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาที่โจทก์ฟ้องแต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 อันเป็นกระทงหนักที่สุด จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าความผิดฐานมีอาวุธปืนนั้นโจทก์ไม่นำสืบให้ชัด ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานนี้ไม่ได้พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อหานี้เสีย โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่ายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ใช้ปืนจี้ผู้เสียหาย และเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษเฉพาะจำเลยที่ 1ฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต แต่คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นแปลได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดฐานนี้ด้วย เป็นการพิพากษาเกินคำขอและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไว้ คำพิพากษาของศาลล่างยังคลาดเคลื่อนอยู่ ดังนี้ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกับพวกอีก ๑ คน ร่วมกันมีมีดปลายแหลมและปืนปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายโดยใช้มีดและปืนขู่เข็ญผู้เสียหายและใช้กำลังกายรัดคอผู้เสียหายใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายและชกต่อยผู้เสียหาย จำเลยที่ ๑ มีอาวุธปืนพกไม่มีทะเบียนหนึ่งกระบอกไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๘๓ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ คืนธนบัตรและเหรียญบาทของกลางให้ผู้เสียหาย ให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายริบมีดของกลางกับเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๑ รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสามกระทำผิดและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาที่โจทก์ฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒ อันเป็นกระทงหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยคนละสิบปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๙๓ คงจำคุกจำเลยที่ ๑สิบห้าปี คืนของกลางแก่ผู้เสียหาย และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ขาด๑๐ บาทแก่ผู้เสียหาย ของกลางริบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีเกี่ยวกับความผิดฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น โจทก์ไม่นำสืบให้ชัดเจน ประกอบกับไม่ได้ปืนเป็นของกลางอาจเป็นปืนที่ใช้ยิงไม่ได้ หรืออาจมีทะเบียนแล้วก็ได้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองตามฟ้องให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑ เฉพาะข้อหาและคำขอข้อนี้เสีย นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยที่ ๑ เพราะไม่ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อและฟังว่าจำเลยที่ ๒ กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์จริงดังฟ้อง แต่เห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่สนิทใจที่จะเชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหาย แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษเฉพาะจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแปลได้ว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดฐานนี้ด้วย เป็นการพิพากษาเกินคำขอและศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ คำพิพากษาของศาลล่างดังกล่าวคลาดเคลื่อนอยู่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๒, ๘๓ ให้จำคุกคนละสิบปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๙๓ คงจำคุกจำเลยที่ ๑สิบห้าปีคืนธนบัตรและเหรียญบาทรวม ๒๕ บาทของกลางแก่ผู้เสียหายให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังขาดอีก ๑๐ บาทแก่ผู้เสียหายริบมีดของกลาง คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

Share