แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คนร้าย 3 คนพยายามปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย คนร้าย 2 คนคือ ผ.และจำเลยขึ้นไปบนเรือนผู้เสียหาย จำเลยมีมีดปลายแหลมและก้านเครือกล้วย และจำเลยได้ใช้ก้านเครือกล้วยตีทำร้ายผู้เสียหายแม่ยายผู้เสียหายอยู่ที่เรือนซึ่งมีสะพานทอดเดินถึงกันได้ตะโกนเรียกให้คนช่วย ผ. จึงไปที่เรือนแม่ยายผู้เสียหาย จำเลยยืนคุมผู้เสียหายผู้เสียหายกลัว ผ. จะทำร้ายแม่ยาย จึงเดินไปขอร้องไว้ และว่าจะเอาทรัพย์อะไรก็เอาไป แต่ ผ. กลับใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การที่ ผ.ยิงผู้เสียหายในพฤติการณ์เช่นนี้ย่อมถือว่า ผ. กระทำไปโดยลำพังจำเลยมิได้มีส่วนร่วมกระทำผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายด้วยจำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๒ คน ได้ร่วมกันปล้นทรัพย์กระบือหนึ่งตัวของนายโป้ยนางเล็ก จำเลยกับพวกกระทำไปตลอดแล้ว แต่ไม่บรรลุผลและในการปล้นนี้จำเลยกับพวกได้ใช้ปืนยิงนายโป้ยหนึ่งนัดโดยเจตนาฆ่าเพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การกระทำผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ กระสุนถูกนายโป้ยได้รับอันตรายแก่กายบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐, ๘๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐, ๘๓ และนับโทษต่อกับคดีแดงที่ ๔๓๑/๒๕๑๓
จำเลยให้การว่าไม่ได้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๒๘๘, ๘๐, ๘๓ ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ อันเป็นบทหนักจำคุกสิบห้าปี ลดโทษเพราะคำรับสารภาพ ชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา ๗๘ เป็นจำคุก ๑๐ ปี นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาแดงที่ ๔๓๑/๒๕๑๓ คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า คืนวันเกิดเหตุ มีคนร้าย ๒ คน คือนายเผยและจำเลยขึ้นมาบนเรือนนายโป้ยผู้เสียหาย และคนร้ายอีกคนหนึ่งไปเปิดคอกกระบือนายเผยใช้ปืนจี้อกผู้เสียหาย จำเลยใช้ก้านเครือกล้วยตีผู้เสียหายและภรรยาและจำเลยถือมีดปลายแหลมด้วยขณะนั้นนางหยั่นแม่ยายผู้เสียหายอยู่ที่เรือนซึ่งมีสะพานทอดเดินถึงกัน ได้ตะโกนเรียกให้คนช่วย นายเผยจึงไปที่เรือนนางหยั่น จำเลยคงยืนคุมผู้เสียหายอยู่ ผู้เสียหายจึงเดินไปขอร้องนายเผยมิให้ทำร้ายนางหยั่น นายเผยก็ถีบผู้เสียหายและใช้ปืนยิงผู้เสียหาย กระสุนถูกที่เอวเหนือตะโพกล้มลงหมดสติไป แล้วคนร้ายจึงพากันหลบหนีไป จึงวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้เป็นผู้ยิงนายโป้ยเอง เพียงแต่นายโป้ยกลัวว่านายเผยจะทำร้ายนางหยั่น นายโป้ยจึงขอร้องไว้และว่าจะเอาทรัพย์อะไรก็เอาไป แต่นายเผยกลับยิงนายโป้ย การที่นายเผยยิงนายโป้ยในพฤติการณ์เช่นนี้ย่อมถือได้ว่านายเผยกระทำไปโดยลำพัง จำเลยมิได้มีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยแต่อย่างใด จะถือว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานพยายามฆ่านายโป้ยด้วยหาได้ไม่ จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องเท่านั้น และการพยายามปล้นทรัพย์นี้คนร้ายได้กระทำโดยใช้ปืนยิงด้วย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔, ๘๐
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรค ๔, ๘๐ แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔ ส่วนโทษที่จะลงแก่จำเลย รวมทั้งการนับโทษต่อ คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์