คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องสำหรับจำเลยที่ 5 ว่า ระหว่างวันที่ 11 ตุลาคม2521 เวลาใดไม่ปรากฏชัดถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2521 เวลากลางวันจำเลยที่ 5 และที่ 8 กับพวกอีกหลายคนซึ่งบางคนถึงแก่กรรมไปแล้วได้ร่วมกันช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่เจ้าพนักงานได้ร่วมกันดำเนินการให้จำเลยที่ 8 ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ ในนามของนางสาว นภาพร บุญมา ซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริง และเป็นความผิดโดยจำเลยที่ 5 และที่ 8 กับพวกได้ร่วมกันจ้าง หรือวาน หรือมิฉะนั้นก็ได้ใช้ให้จำเลยที่ 1 กับที่ 4 ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยที่ 5 กับพวกเป็นผู้สนับสนุนจำเลยอื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานให้ดำเนินการให้จำเลยที่ 8 ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนในนามของผู้อื่น แม้ในตอนหลังจะบรรยายว่าจำเลยที่ 5 กับพวกได้ร่วมกันจ้าง หรือวาน หรือใช้ให้จำเลยอื่นกระทำผิดตามฟ้องก็หาได้ขัดแย้งกันเองไม่ เพราะแม้ว่าทางพิจารณาจะได้ความทางใดทางหนึ่ง จำเลยที่ 5 ก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เช่นเดียวกัน ส่วนการที่จำเลยที่ 5 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยอื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานคนใดและอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา หาจำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องไม่ ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 จึงชอบด้วยกฎหมาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,162, 83, 84 และ 86
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 3 ถึงที่ 8ให้การปฏิเสธ
ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 6และที่ 7 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกคนละ 3 ปี จำเลยที่ 5 ผิดตามมาตรา157, 162 ประกอบด้วยมาตรา 86 ลงโทษตามมาตรา 157 ประกอบด้วยมาตรา86 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 รับสารภาพระหว่างพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปียกฟ้องจำเลยที่ 4 และที่ 8
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 อุทธรณ์ ต่อมาจำเลยที่ 2ขอถอนอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองให้จำเลยที่ 3 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้ในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 6 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง สำหรับฎีกาของจำเลยที่ 5 ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะข้อ 2 ก. ที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อแรกว่า ฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องสำหรับจำเลยที่ 5ว่า ระหว่างเกิดเหตุคดีนี้ (วันที่ 11 ตุลาคม 2521 เวลาใดไม่ปรากฏชัดถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2521 เวลากลางวัน) จำเลยที่ 5 และที่ 8กับพวกอีกหลายคนซึ่งบางคนถึงแก่กรรมไปแล้วได้ร่วมกันช่วยเหลือให้ความสะดวกในการที่เจ้าพนักงานได้ร่วมกันดำเนินการให้จำเลยที่ 8ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ในนามของนางสาวนภาพร บุญมา ซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริงและเป็นความผิดดังกล่าวข้างต้นโดยจำเลยที่ 5และที่ 8 กับพวกได้ร่วมกันจ้างหรือวาน หรือมิเช่นนั้นก็ได้ใช้ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 กระทำผิดดังกล่าวข้างต้นตามฟ้องข้อ 1 (1) ถึง (5) ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 5 กับพวกเป็นผู้สนับสนุนจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานให้ดำเนินการให้จำเลยที่ 8 ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนในนามของผู้อื่นแม้ในตอนหลังจะบรรยายว่าจำเลยที่ 5 กับพวกได้ร่วมกันจ้างหรือวานหรือใช้ให้จำเลยอื่นกระทำผิดตามฟ้องก็หาได้ขัดแย้งกันเองไม่ เพราะแม้ว่าทางพิจารณาจะได้ความทางใดทางหนึ่ง จำเลยที่ 5 ก็ย่อมมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เช่นเดียวกัน ส่วนการที่จำเลยที่ 5 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยอื่นซึ่งเป็นเจ้าพนักงานคนใดและอย่างใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณา หาจำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องไม่ และเห็นว่าจำเลยที่ 5เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 5 จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 6 นั้น พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 6 กระทำผิดตามฟ้องจริง ฎีกาของจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share