คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2075/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาโอนขายสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ให้บุคคลภายนอกเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่ธนาคารซึ่งจำเลยได้นำสิทธิการเช่าอาคารพิพาทไปประกันการกู้ยืมเงินไว้ โดยขายสิทธิการเช่าแล้วก็ยังไม่พอชำระต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ธนาคารก็ลดจำนวนหนี้ให้ ยังไม่ถือว่าเป็นการโอนไปโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้รับชำระหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาจำนวน 611,205บาท จำเลยทราบคำบังคับแล้ว แต่กลับโอนสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ให้แก่นางชุติมาเพื่อให้พ้นจากการที่โจทก์จะบังคับคดีเอาชำระหนี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นลูกหนี้ธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาถนนศรีจันทร์ และต้องชำระดอกเบี้ยแก่ธนาคารทุกเดือน มีข้อตกลงระหว่างจำเลยกับธนาคารว่า หากจำเลยไม่สามารถชำระหนี้ได้จำเลยจะต้องโอนสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ตามฟ้องให้แก่ธนาคารต่อมาธนาคารเร่งรัดให้จำเลยนำเงินมาชำระหนี้ จำเลยจึงโอนขายสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ตามฟ้องให้แก่นางชุติมา เพื่อเอาเงินชำระหนี้ให้แก่ทางธนาคารตามที่ธนาคารเร่งรัดทวงถาม และได้โอนขายสิทธิการเช่าได้เงินพอดีที่จะชำระหนี้ให้แก่ธนาคารตามจำนวนที่ธนาคารลดดอกเบี้ยให้ เช่นนี้ เมื่อฟังประกอบกับที่ได้ความจากจำเลยว่า จำเลยจะนำเงินส่วนที่ธนาคารลดดอกเบี้ยให้ไปชำระหนี้งวดแรกให้แก่โจทก์ กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยโอนขายสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ตามฟ้องโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้รับชำระหนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
พิพากษายืน

Share