คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องทนายโจทก์มาศาลหลังจากศาลยกฟ้องโจทก์ไปแล้วการที่ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่อ้างว่ามาถึงห้องพิจารณาล่าช้าเพราะต้องเสียเวลาไปกับการค้นหาห้องพิจารณาจนเลยกำหนดเวลาไปประมาณ30นาทีนั้นเป็นเหตุที่เป็นไปได้เนื่องจากทนายโจทก์มีอายุ73ปีอยู่ในวัยชราและไม่คุ้นเคยกับห้องพิจารณาของศาลอาญาซึ่งมีจำนวนมากกรณีจึงยังไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดโดยไม่มีเหตุสมควรศาลต้องดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาฐานเบิกความเท็จ ในคดีแพ่งแดงที่2110/2524 ของศาลแพ่ง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นนัดเวลา 13.30นาฬิกา แต่รออยู่จนเวลา 13.55 นาฬิกา ฝ่ายโจทก์ก็ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุข้ดข้อง ศาลชั้นต้นจึงยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ปัญหาวินิจฉัยมีว่า การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดคือเวลา 13.30 นาฬิกานั้น มีเหตุสมควรหรือไม่ทนายโจทก์เบิกความในชั้นไต่สวนคำร้องว่าพยานโจทก์ ทนายโจทก์มีภูมิลำเนาอยู่แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ประกอบอาชีพทนายความมาประมาณ 20 ปีเศษ ส่วนมากประกอบวิชาชีพว่าความที่กรุงเทพมหานคร ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ทนายโจทก์มาถึงศาลอาญาเมื่อเวลา 13.30 นาฬิกา สอบถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ศาลอาญาอาคาร 1 ว่าคดีนี้นัดไต่สวนห้องพิจารณาใด เจ้าหน้าที่แจ้งว่านัดไต่สวนห้องพิจารณที่ 47 ทนายโจทก์เดินหาห้องพิจารณาที่ 47แต่ไม่พบ จึงกลับไปสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าห้องพิจารณาดังกล่าวอยู่ที่ใด เจ้าหน้าที่แจ้งว่าอยู่อาคาร 2 ของศาลอาญา ทนายโจทก์จึงไปที่ห้องพิจารณาที่ 47 ไปถึงจึงทราบว่าศาลมีคำสั่งยกฟ้องและจำหน่ายคดีไปแล้ว พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามคำเบิกความของทนายโจทก์ดังกล่าว จำเลยมิได้นำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่นข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทนายโจทก์มาถึงศาลอาญาเมื่อเวลา 13.30นาฬิกา และการที่ทนายโจทก์ต้องเสียเวลาไปกับการหาห้องพิจารณานั้นก็เป็นไปได้เพราะห้องพิจารณาของศาลอาญามีเป็นจำนวนมาก การที่ทนายโจทก์ว่าความมานานและว่าความอยู่ในกรุงเทพมหานครนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าทนายโจทก์จะได้เคยว่าความที่ห้องพิจารณา 47 ที่พิจารณาคดีนี้ อันจะทำให้ทนายโจทก์สามารถจะหาหรือไปที่ห้องพิจารณาที่ 47 ได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องเสียเวลามากนัก เมื่อคำนึงถึงว่าทนายโจทก์นั้นอายุถึง 73 ปี นับได้ว่าอยู่ในวัยชรา ศาลอาญามีห้องพิจารณาเป็นจำนวนมาก การที่ทนายโจทก์เสียเวลาไปกับการหาห้องพิจารณาประมาณ 30 นาที จึงได้ไปที่ห้องพิจารณาที่ 47 แต่ปรากฏว่าศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องคดีของโจทก์ไปแล้ว และทนายโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่วนมูลฟ้องใหม่ ในเวลาที่ใกล้เคียงกันกับที่ศาลมีคำสั่งเห็นว่า เป็นกรณีที่ยังไม่อาจถือได้ถนัดนักว่าโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดโดยไม่มีเหตุสมควร คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องต่อไป”.

Share