คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10354/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำร้องขอถอนฟ้องคดีก่อนจะระบุว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีดังกล่าวอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้อง โดยปรากฏว่าในคำฟ้องคดีดังกล่าวโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง แต่ทนายโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องแทนโจทก์ ทั้งปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นหลังจากศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว โจทก์ได้มายื่นคำฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ในมูลคดีอาญาความผิดเดียวกันกับคดีก่อนและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในบทมาตราเดียวกัน โดยในคำฟ้องใหม่โจทก์ได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องใหม่ถูกต้องตามกฎหมายเชื่อว่าเหตุที่โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อนเนื่องจากเห็นว่าโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง ซึ่งเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงประสงค์จะถอนฟ้องแล้วยื่นฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง การถอนฟ้องคดีก่อนจึงมิใช่การถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายใน ป.วิ.อ. มาตรา 36 ไม่ต้องห้ามมิให้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 309, 310, 310 ทวิ, 362, 365 ประกอบมาตรา 83, 84, 86, 90 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีอาญาในมูลคดีอาญาความผิดเดียวกันตามคดีหมายเลขดำที่ อ. 6640/2555 หมายเลขแดงที่ อ.1279/2555 ของศาลชั้นต้น ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2556 ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต หลังจากนั้นวันที่ 7 มีนาคม 2556 โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อพิเคราะห์คำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ลงวันที่ 6 มีนาคม 2556 ในคดีก่อนตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1279/2555 ของศาลชั้นต้น ประกอบคำฟ้องในคดีดังกล่าวแล้ว แม้คำร้องขอถอนฟ้องจะระบุว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องโดยปรากฏว่าในคำฟ้องคดีดังกล่าวโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง แต่ทนายโจทก์เป็นผู้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องแทนโจทก์ ทั้งปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้นหลังจากศาลอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีดังกล่าวแล้ว โจทก์ได้มายื่นคำฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ในมูลคดีอาญาความผิดเดียวกันกับคดีก่อนและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในบทมาตราเดียวกัน โดยในคำฟ้องใหม่โจทก์ได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้องใหม่ถูกต้องตามกฎหมาย เชื่อว่าเหตุที่โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อนเนื่องจากเห็นว่าโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง ซึ่งเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงประสงค์จะถอนฟ้องแล้วยื่นฟ้องใหม่ให้ถูกต้อง การถอนฟ้องคดีก่อนจึงมิใช่การถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยยืนตามศาลชั้นต้นว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสี่มาแล้วในมูลคดีอาญาความผิดเดียวกันและถอนฟ้องไป จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องจำเลยทั้งสี่อีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนที่โจทก์ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลนั้น ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้คดีมีการพิจารณาคดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล จึงเห็นควรย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดีต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share