คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1032/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายให้คู่ความฝ่ายหนึ่งตามที่คู่ความฝ่ายนั้นร้องขอตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 24 นั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จะอุทธรณ์ฎีกามาโดยเฉพาะมิได้
(อ้างฎีกาที่ 271/2481)

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้ พิจารณารวมกัน โดยโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑ รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนในมูลละเมิด อ้างว่าเรือกลไฟเดินสมุทร “โชวามารู” จำเลยที่ ๓ ซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นนายเรือได้ชนเรือฉลอมบรรทุกข้าวของโจทก์จมลงโดยความประมาทเลินเล่อ เรือฉลอมและข้าวสารสูญหายหมด
ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒-๓ เสีย คงเหลือแต่จำเลยที่ ๑ ผู้เดียว
จำเลยที่ ๑ ปฏิเสธข้อเท็จจริงและต่อสู้ข้อกฎหมายว่า แม้จะรับฟังเป็นความจริงตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๑ ก็ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเพราะความเสียหายเกิดจากมูลละเมิดของลูกจ้างของตัวการ จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของตัวการ ไม่มีหน้าที่จะต้องรับผิดในมูลละเมิดนั้นด้วย จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔
ศาลชั้นต้นสั่งว่า รูปคดีไม่เข้าลักษณะดั่งคำร้อง จึงให้ยกคำร้องของจำเลยเสีย
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเช่นนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งไม่รับวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายให้จำเลยตามที่จำเลยร้องขอตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๔ จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จะอุทธรณ์ฎีกาโดยเฉพาะมิได้ ให้ยกฎีกาเสีย

Share