คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดากับบุตรมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินร่วมกัน ภายหลังบุตรขอให้มารดากดลายพิมพ์นิ้วมือให้ โดยอ้างว่าจะไปขึ้นเงินจำนองที่ดินรายนี้ ครั้นมารดากดลายพิมพ์นิ้วมือให้ไปแล้ว บุตรกลับไปทำเป็นหนังสือมอบอำนาจของมารดาให้บุตรเป็นผู้จัดการยกกรรมสิทธิที่ดินส่วนของมารดาให้แก่บุตร และบุตรได้ดำเนินการมาจนเจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมยกให้ที่ดินส่วนมารดาเป็นกรรมสิทธิของบุตร ดังนี้ มารดาย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนการให้นี้ได้ เพราะถือได้ว่านิติกรรมการให้ดั่งกล่าว เป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยต่างมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๑๑๘๙ จำเลยกับพวกได้ใช้อุบายหลอกลวงให้โจทก์กดพิมพ์ลายนิ้วมือไป โดยอ้างว่าเอาไปไว้เพื่อป้องกันทรัพย์สินบ้าง และเอาไปเพื่อขอขึ้นเงินจำนองจากสหกรณ์บ้าง เนื่องจากโจทก์และจำเลยเอาที่ดินแปลงนี้จำนองไว้ กับสหกรณ์เจริญผล แล้วจำเลยกลับเอาลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ไปทำเป็นหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยจัดการทำสัญญาให้กรรมสิทธิที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ ซึ่งมีอยู่ในที่ดินแปลงนี้แก่จำเลย จนเจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมยกกรรมสิทธิที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ให้ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย โจทก์เพิ่งทราบภายหลัง จึงขอให้เพิกถอนนิติกรรมการให้นี้เสีย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทำลายนิติกรรมดังกล่าว ให้หอทะเบียนแก้ทะเบียนคงให้มีชื่อโจทก์จำเลยเป็นเจ้าของตามเดิม
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อฎีกาของจำเลยที่ขอให้ถือข้อเท็จจริงในคดีอาญานั้น ปรากฎว่าคดีนั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นใจความว่า โจทก์สืบไม่ได้ความชัดเนื่องจากโจทก์ไม่รับรองลายพิมพ์นิ้วมือของตนในใบมอบอำนาจครั้งที่ ๓ คดีจึงไม่มีมูลพอที่จะให้รับไว้พิจารณาทางอาญาแต่ไม่ตัดสิทธิที่โจทก์จะฟ้องร้องทางแพ่งใหม่ ดังนี้ คำพิพากษาคดีอาญายังหาได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงในประเด็นที่กล่าวกันในทางแพ่งนี้ไม่ ศาลจึงชอบที่จะฟังข้อเท็จจริง ที่สืบกันในคดีแพ่งนี้ต่อไป และฟังตามศาลชั้นต้นว่า โจทก์ไม่ได้ประสงค์จะยกที่ดินส่วนของโจทก์ให้จำเลย ๆ ทำไปผิดความประสงค์ของโจทก์ นิติกรรมยกให้จึงไม่ชอบ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว คงพิพากษายืน

Share