คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยบันทึกรับรองไว้ในบัญชีทรัพย์สินท้ายสัญญาประกันผู้ต้องหาต่อพนักงานสอบสวนโจทก์ ความว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่าหลักทรัพย์ตามรายการนี้มีจริง และสามารถติดตามตัวนายประกันได้ และนายประกันไม่ได้นำทรัพย์สินดังกล่าวนี้ไปทำนิติกรรมใด ๆ จริง หากมีการผิดพลาดเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอรับผิดร่วมกับนายประกันด้วย มีความหมายเพียงว่าจำเลยได้รับรองว่าผู้ประกันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินซึ่งผู้ประกันนำมายื่นเป็นหลักประกัน ทั้งทรัพย์สินนั้นไม่อยู่ในการติดพันใด ๆ ตามที่ผู้ประกันกล่าวอ้างมาจริง และรับรองว่าผู้ประกันมีตัวและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งสามารถติดตามตัวมาบังคับบัญชาตามสัญญาประกันได้ ถ้าหากการมิได้เป็นไปตามที่จำเลยรับรองไว้ เป็นเหตุให้โจทก์เอาค่าปรับเพราะเหตุผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ได้หรือไม่ครบจำนวนหรือไม่สามารถเรียกตามตัวผู้ประกันมาบังคับบัญชาได้ จำเลยยินยอมร่วมรับผิดร่วมกับผู้ประกันเพื่อให้โจทก์ได้รับค่าปรับตามสัญญาประกันที่ผู้ประกันทำไว้เท่านั้นเอง หามีความหมายทำให้จำเลยกลายเป็นผู้ประกันร่วมกับผู้ประกันไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานสอบสวน มีอำนาจหน้าที่สอบสวน ควบคุมและให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่อยู่ในความควบคุมของโจทก์ โจทก์ได้ควบคุมผู้ต้องหาไว้ 7 คน ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดในทางอาญาไว้ จำเลยที่ 1ได้ทำสัญญาประกันรวม 7 ฉบับให้ไว้แก่โจทก์ประกันตัวผู้ต้องหาดังกล่าวไปโดยสัญญาว่าจะส่งตัวผู้ต้องหาตามที่โจทก์กำหนดนัดให้ส่ง ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่นำมาส่งตามกำหนดนัด ยอมใช้เงินตามสัญญาประกันรายละ 4,000 บาทโดยจำเลยที่ 1 นำเอาหลักทรัพย์บ้านเลขที่ 210/4 หมู่ที่ 6 ตำบลบางกระสออำเภอเมืองนนทบุรี มาเป็นประกันตามสัญญาประกัน และในวันนั้นเองจำเลยที่ 2ได้ทำสัญญารับรองหลักทรัพย์ที่จำเลยที่ 1 นำมาเป็นประกันกับโจทก์ตามสัญญาประกันว่า จำเลยที่ 1 มีหลักทรัพย์ตามที่นำมาประกันกับโจทก์จริง จำเลยที่ 2ขอรับผิดชอบตามสัญญาประกันทั้งหมดทุกรายร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยโจทก์จึงปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไป ต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาส่งให้โจทก์ตามวันกำหนดนัดได้ อันเป็นการผิดสัญญาซึ่งจำเลยที่ 2ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยในการชำระค่าปรับ ขอให้พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 28,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้สั่งยึดทรัพย์ของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้ละเลยได้ติดตามถามโจทก์ตลอดมาแต่ได้รับคำบอกกล่าวจากโจทก์ว่าสำนวนยังไม่เสร็จจนพนักงานสอบสวนคนเก่าย้ายไป พนักงานสอบสวนคนใหม่ได้ติดตามทวงถามจำเลยที่ 1 อันเป็นเวลานานพอที่จำเลยที่ 1 จะติดตามผู้ต้องหามาได้ทั้งหมด

จำเลยที่ 2 ให้การว่า ร้อยตำรวจเอกอนุรักษ์ได้มาขอร้องให้จำเลยที่ 2รับรองหลักทรัพย์ของนายประกันตามฟ้อง จำเลยที่ 2 จึงได้เซ็นชื่อในแบบพิมพ์กระดาษเปล่า ผู้ทำสัญญาประกันไปกรอกข้อความเอง ตามปกติการรับรองหลักทรัพย์นั้น นายตำรวจจะรับรองเฉพาะว่าเป็นหลักทรัพย์ของผู้ประกันจริงตามที่ได้ยื่นประกันและไม่ได้นำไปทำนิติกรรมใด ๆ จำเลยที่ 2 ไม่มีเจตนาที่จะร่วมรับผิดกับผู้ประกันแต่อย่างใด ข้อความดังกล่าวเป็นเพียงรับรองว่าหลักทรัพย์ที่นำมายื่นมีอยู่จริงและไม่มีภารติดพันเท่านั้น โจทก์ชอบที่จะขอให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 28,000 บาท ถ้าจำเลยที่ 1 ไม่ชำระจึงให้ยึดทรัพย์คือบ้านของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหลักประกันออกขายทอดตลาด เมื่อขายทอดตลาดได้เงินไม่พอค่าปรับจึงให้ยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความที่บันทึกรับรองไว้ในบัญชีทรัพย์สินของผู้ประกันซึ่งจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับรองมีความว่า ข้าพเจ้าขอรับรองว่าหลักทรัพย์ตามรายการนี้มีจริง และสามารถติดตามตัวนายประกันได้ และนายประกันไม่ได้นำทรัพย์สินดังกล่าวนี้ไปทำนิติกรรมใด ๆ จริง หากมีการผิดพลาดเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอรับผิดร่วมกับนายประกันด้วย เป็นแต่เพียงข้อความที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ได้รับรองต่อพนักงานสอบสวนฯ ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ว่า ผู้ประกันเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินซึ่งผู้ประกันนำมายื่นเป็นหลักประกัน ทั้งทรัพย์สินนั้นไม่อยู่ในภารติดพันใด ๆ ตามที่ผู้ประกันกล่าวอ้างมาจริง และรับรองว่าผู้ประกันมีตัวและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งสามารถติดตามตัวมาบังคับบัญชาตามสัญญาประกันได้ ถ้าหากการมิได้เป็นไปตามที่จำเลยที่ 2 รับรองไว้ เป็นต้นว่า ทรัพย์สินที่ผู้ประกันนำมายื่นเป็นหลักประกันไม่ใช่เป็นของผู้ประกัน หรืออยู่ในภารติดพัน เป็นเหตุให้โจทก์เอาค่าปรับเพราะเหตุผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ได้หรือไม่ครบจำนวนหรือไม่สามารถเรียกตามตัวผู้ประกันมาบังคับบัญชาได้ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายไม่สามารถดำเนินการเอาแก่ผู้ประกันได้ จำเลยที่ 2 ผู้รับรองยินยอมรับผิดร่วมกับผู้ประกันเพื่อให้โจทก์ได้รับค่าปรับตามสัญญาประกันที่ผู้ประกันทำไว้เท่านั้นเอง ความดังกล่าวหามีความหมายทำให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับรองทรัพย์สินของผู้ประกันและตัวประกันกลายเป็นผู้ประกันร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้ประกันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในการนำตัวผู้ต้องหาที่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวไปมาส่งพนักงานสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนกำหนดนัด ถ้านำมาส่งไม่ได้ก็จะต้องถูกปรับตามสัญญาประกันร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ประกันด้วยไม่

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share