คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยทำเฟอร์นิเจอร์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้โรงงานของจำเลย จำเลยจึงมีหนังสือถึงโจทก์ขอทำเฟอร์นิเจอร์เพียงบางรายการและขอต่ออายุสัญญาออกไป โจทก์เรียกจำเลยและผู้รับจ้างรายอื่นมาประชุมแล้วตกลงให้จำเลยทำงานตามที่ขอและให้ผู้รับจ้างรายอื่นทำงานส่วนที่จำเลยขอไม่ทำ เมื่อจำเลยทำงานเสร็จโจทก์ก็ยอมรับมอบแต่โดยดี พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ถือได้ว่าโจทก์จำเลย ตกลงเลิกสัญญาฉบับเดิมแล้ว
ค่าจ้างทนายความให้ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ผิดสัญญา มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นจากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
จำเลยรับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จำเลยจึงไม่ต้องชำระภาษีการค้าในส่วนนี้ให้แก่ทางราชการ แต่ต้องใช้ให้แก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยทำเฟอร์นิเจอร์ จำเลยรับค่าจ้างล่วงหน้าไปแล้วทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ไม่ครบตามสัญญาและส่งมอบล่าช้า ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินค่าจ้างที่รับไปเกินผลงาน ชำระค่าปรับตามสัญญาและค่าจ้างทนายความให้ฟ้องคดีนี้แก่โจทก์

จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาครบถ้วนแล้วค่าจ้างทนายความมิใช่ค่าเสียหายโดยตรงและเป็นค่าเสียหายไกลเกินกว่าเหตุจะเรียกร้องเอาจากจำเลยไม่ได้ โจทก์ยังจ่ายค่าจ้างให้จำเลยไม่ครบถ้วนจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา ขอให้บังคับโจทก์ชำระค่าจ้างที่โจทก์ยังค้างชำระแก่จำเลย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้เงินจำนวน 1,399,915.09 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่จำเลย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ใช้เงินจำนวน 425,495.14 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่จำเลย

โจทก์และจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาและวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยจะต้องชำระเบี้ยปรับให้โจทก์ตามสัญญาว่าจ้างเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.12หรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ของจำเลยแล้ว จำเลยได้มีหนังสือถึงโจทก์ว่าจำเลยขอให้โจทก์นำเฟอร์นิเจอร์ที่จำเลยจะต้องทำตามสัญญาเอกสารหมาย จ.3 และจ.4 จำนวน 9 รายการ ไปให้ผู้อื่นทำต่อไปจำเลยขอทำเพียง 6 รายการพร้อมทั้งขอต่ออายุสัญญาดังกล่าวไปถึงวันที่ 7 สิงหาคม2520 และขอยกเลิกสัญญาว่าเอกสารหมาย จ.12 ต่อมาโจทก์เรียกประชุมบริษัทที่ทำเฟอร์นิเจอร์ให้โจทก์ได้แก่ จำเลยบริษัท ส.และห้าง ท. ที่ประชุมตกลงให้จำเลยทำเฟอร์นิเจอร์ 6 รายการตามขอ ส่วนอีก 9 รายการได้แบ่งไปให้ บริษัท ส.และห้าง ท.จัดทำ วันที่ 12 ตุลาคม 2520 จำเลยส่งมอบเฟอร์นิเจอร์ 6 รายการนั้นแก่โจทก์ โจทก์ก็ยอมรับโดยดี พฤติการณ์ต่าง ๆ ของโจทก์จำเลยดังกล่าวมานี้ ถือได้โดยปริยายว่าโจทก์และจำเลยตกลงเลิกสัญญาว่าจ้างเอกสารหมาย จ.3 จ.4 และ จ.12 แล้ว ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องชำระเบี้ยปรับให้แก่โจทก์

ปัญหาว่าจำเลยจะต้องชดใช้ค่าจ้างทนายความ 80,000 บาทตามที่โจทก์ต้องเสียไปเนื่องจากฟ้องร้องจำเลยเป็นคดีนี้หรือไม่นั้น เห็นว่าค่าจ้างทนายความจำนวนนี้โจทก์ต้องเสียไปเพราะเหตุที่โจทก์ได้จ้างทนายความให้ดำเนินการฟ้องคดีนี้ต่อจำเลย มิใช่ค่าเสียหายอันเกิดขึ้นแก่โจทก์จากผลที่จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาว่าจ้างโดยตรงแต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินจำนวนนี้จากจำเลยได้

ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีสิทธิหักเงินค่าภาษีการค้าจำนวน 30,587.96บาทนั้น เห็นว่าโจทก์ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการอุตสาหกรรมประเภทโรงแรมซึ่งความมุ่งหมายให้โจทก์ไม่ต้องชำระค่าภาษีการค้า หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าให้โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าภาษีการค้าที่จำเลยต้องชำระให้แก่ทางราชการเป็นอันไม่ต้องชำระและเมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าในการคิดค่าทำเฟอร์นิเจอร์นั้น จำเลยได้คำนวณหักภาษีการค้าดังกล่าวไว้แล้ว ฉะนั้นจำเลยต้องคืนเงินภาษีการค้าจำนวน 30,587.96 บาท ที่ได้รับยกเว้นให้แก่โจทก์

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงินจำนวน 596,499.86 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์

Share