คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 103/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้นำสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูป ไว้ ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ จึงลงโทษจำเลย ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาตไม่ได้ และ ริบไม้ของกลางไม่ได้ (อ้างนัยฎีกาที่ 1384/2494 และที่ 825/2498)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไม้เต็งรังแปรรูปเป็นเสารวม 10 ต้น และไม้ยางแปรรูปเป็นกระดาน 34 แผ่นในครอบครองรวม 2.155 ลูกบาศก์เมตร ณ ที่ตำบลซำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามประกาศกระทรวงเกษตราธิการ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้คัดสำเนาประกาศติดไว้ ณ ที่ทำการกำนันและที่ชุมนุมชนให้ทราบทั่วกันแล้ว โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48,73, 74; (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2494 มาตรา 6, 17; (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 17, 18 ประกาศกระทรวงเกษตราธิการกำหนดการควบคุมการแปรรูปไม้ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499

จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่นำสืบว่าได้ปิดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ ลงโทษไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา มิได้มีข้อความใดที่จะถือได้ว่าจำเลยยอมรับ หรือรับว่าได้ทราบประกาศของกระทรวงเกษตราธิการ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 เรื่องให้ตำบลซำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ เป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ข้อเท็จจริงข้อนี้โจทก์มิได้นำสืบเลย แม้แต่สำเนาประกาศของกระทรวงเกษตราธิการลงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2499 ที่อ้างว่าได้ติดไว้ ณ ที่ทำการกำนันและที่ชุมนุมชน โจทก์ก็มิได้ส่งมาพร้อมฟ้อง จึงฟังไม่ได้ว่าท้องที่ที่จำเลยมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองเป็นเขตควบคุมการแปรรูปไม้คดีฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้อง นัยฎีกาที่ 1834/2494 และที่ 825/2498 เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องก็ริบของกลางไม่ได้

พิพากษายืน

Share