แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่5ต่อสู้ว่าโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่5รับผิดเป็นคดีอื่นซึ่งมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยที่5ต้องรับผิดแล้วจำเลยที่5จึงไม่ต้องรับผิดในคดีนี้อีกนั้นจำเลยที่5ต้องมีหน้าที่นำสืบให้ปรากฎข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา84มิใช่เพียงให้การไว้ลอยๆโดยไม่สืบพยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขอให้โจทก์ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการออกตั๋วแลกเงิน โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อโจทก์ชำระเงินตามตั๋วแล้วจำเลยที่ 1 จะชำระเงินคืนให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้ค้ำประกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 349,597.78 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปีจากต้นเงิน 286,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 5 ให้การว่า ไม่เคยค้ำประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ สัญญาค้ำประกันมีข้อตกลงให้ผู้ค้ำประกันรับผิดไม่เกินวงเงินที่กำหนด และโจทก์เรียกร้องให้จำเลยที่ 5รับผิดเป็นคดีอื่น ซึ่งมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยที่ 5ต้องรับผิดแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดในคดีนี้อีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน286,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่30 เมษายน 2533 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ส่วนฎีกาจำเลยที่ 5 ในปัญหาที่ว่าโจทก์ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยที่ 5 รับผิดเป็นคดีอื่น ซึ่งมีจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยที่ 5 ต้องรับผิดแล้ว จึงไม่ต้องรับผิดในคดีนี้อีกนั้น เห็นว่าข้อต่อสู้ตามปัญหานี้ จำเลยที่ 5มิได้นำสืบให้ปรากฎข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84 คงให้การไว้ลอย ๆโดยไม่สืบพยาน ฎีกาจำเลยที่ 5 ในปัญหานี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน