แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่า ฉะนั้น ที่จำเลยถือปืนส่ายไปมาต่อหน้าคนหมู่มากแล้วกระสุนลั่นออกโดยไม่มีใครเห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง คดีย่อมมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่า จำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายสนั่นเล็กโล่ง และกระสุนได้ทะลุไปถูกนายก๊าบ หลวงทิพย์ ทั้งนี้โดยจำเลยมีเจตนาจะฆ่านายสนั่น เล็กโล่งให้ตายหากแต่กระสุนปืนไม่ถูกส่วนสำคัญของร่างกาย การกระทำของจำเลยจึงไม่บรรลุผลสมเจตนา นายสนั่นและนายก๊าบ จึงเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๒๙๕, ๒๙๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทำปืนลั่นไปถูกผู้บาดเจ็บโดยประมาท เป็นความผิดคนละฐาน ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จริงอยู่การที่จำเลยชักปืนพาออกมาแนบตัวส่ายไปมา แบบนักเลงโต แล้วปืนนั้นลั่นออกไปในคนหมู่มากประมาณ ๓๐ คน เช่นนี้ เป็นการที่พาลเลวทรามควรแก่การปราบปรามอย่างยิ่ง แต่การที่จะลงโทษบุคคลฐานพยายามฆ่าคนนั้น ข้อเท็จจริงจะต้องให้ได้ความว่าจำเลยได้มีเจตนากระทำการเพื่อฆ่าคนในกรณีนี้ศาลจึงต้องพิเคราะห์ว่า จำเลยได้มีเจตนาเหนี่ยวไกปืนเพื่อลั่นกระสุน ออกไปหรือไม่ ศาลฎีกาใคร่ครวญแล้วเห็นว่า ถ้าจำเลยตั้งใจเหนี่ยวไกปืนเพื่อลั่นกระสุนแล้ว ปากกระบอกปืนก็น่าจะหันไปทางบุคคลที่เป็นคู่วิวาทกับพวกของจำเลย แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า กระสุนไปถูกนายสนั่นและนายก๊าบ ซึ่งอยู่ห่างกับคู่วิวาทถึง ๕ วา สันนิษฐานว่าเป็นคนละทาง พยานโจทก์ต่างก็เบิกความว่า จำเลยถือปืนส่ายไปมาแล้วกระสุนก็ลั่นออก ไม่มีใครได้เห็นว่าจำเลยได้จ้องยิง ผู้เสียหายทั้งสองคนก็ชอบพอกับจำเลย ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันอย่างไร คดีมีทางส่อให้วินิจฉัยได้ว่าจำเลยประมาทเลินเล่อทำปืนลั่นออกไปโดยไม่มีเจตนาจะเหนี่ยวไกปืนลั่นกระสุน ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง