แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกรรโชก ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยไปพูดขู่เอาเงินผู้เสียหายโดยว่า ถ้าไม่ให้จะทำร้ายแต่ผู้เสียหายไม่ได้ให้เงินไปหรือมิได้สัญญาว่าจะให้เงิน เพราะได้แจ้งความไว้แล้ว และเจ้าพนักงานตำรวจมารอให้ความอารักขาอยู่แล้วจึงเข้าจับกุมจำเลยแต่โดยที่ความผิดฐานกรรโชกรวมการกระทำฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพอยู่ด้วย ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองศาลจึงย่อมลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตามที่พิจารณาได้ความได้ โดยอาศัย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย(อ้างฎีกาที่ 358/2481)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขู่เข็ญขืนใจนายเกายู้ให้สัญญาว่าจะส่งเงินให้แก่จำเลย 500 บาท ขอให้ลงโทษฐานกรรโชกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 303
นายเกายู้เข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ความว่า ผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะให้เงินจำเลยอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานกรรโชกตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงยังไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้มาพูดขู่ผู้เสียหายตามที่ศาลชั้นต้นฟังมาจริง แต่คดีไม่ได้ความว่าผู้เสียหายได้สัญญาว่าจะให้เงินแก่จำเลย จึงขาดองค์สำคัญในความผิดฐานกรรโชก จำเลยไม่มีความผิดฐานนี้ แต่ความผิดฐานกรรโชกรวมอยู่ในความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยบังอาจบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายให้กระทำตามความประสงค์ของจำเลยก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพอยู่ในตัวด้วย ศาลลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตาม มาตรา 268 ได้ ถึงหากโจทก์จะมิได้อ้าง มาตรา 268 มาด้วยก็ดี ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ตอนท้าย และตามฎีกาที่ 358/2481 จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268 ตอนต้น ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไปพูดขู่เอาเงินผู้เสียหายโดยว่า ถ้าไม่ให้จะทำร้าย หากแต่ผู้เสียหายไม่ได้ให้เงินไปหรือมิได้สัญญาว่าจะให้เงินเพราะได้แจ้งความไว้แล้วและเจ้าพนักงานตำรวจมารอให้ความอารักขาอยู่แล้วจึงเข้าจับกุมจำเลย ความผิดฐานกรรโชกรวมการกระทำฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพอยู่ด้วย ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตามที่พิจารณาได้ความได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายดังฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นอ้าง
พิพากษายืน