คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10209/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.อ. มาตรา 119 วรรคสอง ที่แก้ไขเพิ่มเติมได้บัญญัติไว้ชัดเจนให้หัวหน้าสำนักงานประจำศาลยุติธรรมเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้ตามสัญญาประกัน แม้ไม่มีบทเฉพาะกาลเรื่องการบังคับคดีนายประกันก่อนที่มีการเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวว่าจะยังคงเป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการตามเดิมหรือเป็นของหัวหน้าสำนักงานประจำศาลยุติธรรมตามบทบัญญัติที่เพิ่มเติมดังที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องก็ตาม แต่การที่ไม่มีบทเฉพาะกาลบัญญัติยกเว้นบทบัญญัติที่เพิ่มเติม ก็ต้องหมายความว่าให้ใช้บทบัญญัติเพิ่มเติมนั้นทันทีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ ไม่มีเหตุที่จะให้ผู้ร้องเข้าใจว่าการบังคับคดีนายประกันที่มีอยู่ก่อนยังคงเป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ กรณีจึงไม่มีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 และมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 2 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2550 ต่อมาวันที่ 8 ตุลาคม 2552 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้พร้อมยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ค่าปรับผู้ประกันในคดีอาญาจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ที่ 1 เป็นเงิน 138,000 บาท เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย ไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งยกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โฆษณาคำพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ 1 ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับลงวันที่ 4 ธันวาคม 2550 และในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2551 ครบกำหนดยื่นคำขอรับชำระหนี้วันที่ 10 มีนาคม 2551 เนื่องจากวันที่ 8 และ 9 มีนาคม 2551 ตรงกับวันหยุดราชการ ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ที่ 1 ในมูลหนี้ค่าปรับที่ลูกหนี้ที่ 1 ผู้ประกันผิดสัญญาประกันตัวนายพิภพหรือกุ๊ก จำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 4598/2544 หมายเลขแดงที่ 2348/2545 ของศาลจังหวัดชลบุรี ซึ่งศาลมีคำสั่งปรับเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2545 และออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2545 ต่อมาผู้ร้องทราบว่าศาลมีคำพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ 1 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องอ้างว่ามีพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ไม่ทันภายในกำหนด และยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ดังกล่าวเป็นเงิน 138,000 บาท
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า กรณีมีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนดหรือไม่ ที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 วรรคสอง ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 22) พ.ศ.2547 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2547 อันเป็นเวลาภายหลังจากศาลจังหวัดชลบุรีออกหมายบังคับคดีตามคำขอของพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี ทำให้ผู้ร้องเข้าใจว่าพนักงานอัยการดำเนินการบังคับคดีตามสัญญาประกัน จึงเป็นปัญหาในเรื่องความไม่ชัดเจนของกฎหมายนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 วรรคสอง ที่แก้ไขเพิ่มเติมได้บัญญัติไว้ชัดเจนให้หัวหน้าสำนักงานประจำศาลยุติธรรมเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในส่วนที่เกี่ยวกับหนี้ตามสัญญาประกัน แม้ไม่มีบทเฉพาะกาลเรื่องการบังคับคดีนายประกันก่อนที่มีการเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวว่าจะยังคงเป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการตามเดิมหรือเป็นของหัวหน้าสำนักงานประจำศาลยุติธรรมตามบทบัญญัติที่เพิ่มเติมดังที่ผู้ร้องอ้างตามคำร้องก็ตาม แต่การที่ไม่มีบทเฉพาะกาลบัญญัติยกเว้นบทบัญญัติที่เพิ่มเติม ก็ต้องหมายความว่าให้ใช้บทบัญญัติเพิ่มเติมนั้นทันทีที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ ไม่มีเหตุที่จะให้ผู้ร้องเข้าใจว่าการบังคับคดีนายประกันที่มีอยู่ก่อนยังคงเป็นอำนาจและหน้าที่ของพนักงานอัยการ กรณีจึงไม่มีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่กำหนด ส่วนที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องมีสำนวนบังคับคดีนายประกันที่เกิดขึ้นแล้วและที่เกิดภายหลังแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาการประสานงานกับพนักงานอัยการ ทำให้กว่าที่ผู้ร้องจะตรวจสอบพบว่าพนักงานอัยการยังไม่ได้ดำเนินการบังคับคดีตามสัญญาประกันก็ล่วงเลยกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว มิใช่เกิดจากการบริหารงานของผู้ร้องเพียงฝ่ายเดียว และค่าปรับผู้ประกันเป็นเบี้ยปรับที่ต้องส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ไม่ใช่หนี้ที่เกิดจากการทำสัญญาปกติ แต่เกิดจากการผิดสัญญาไม่ส่งตัวจำเลย จึงมิใช่หนี้ที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้น ล้วนเป็นข้ออ้างที่นอกเหนือไปจากคำร้องของผู้ร้องและผู้ร้องเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นนี้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล้มละลายกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ.2542 มาตรา 24 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้สั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share